ฟิสิกส์ราชมงคล
|
 |
« เมื่อ: สิงหาคม 02, 2007, 11:34:04 am » |
|
ในห้องทดลองนี้ คุณสามารถเรียนรู้ทำความเข้าใจ อะตอมของไฮโดรเจน โดยใช้ทฤษฎีของบอร์ ให้คุณเลือกระดับพลังงานที่อิเล็กตรอนจะกระโดด เมื่อคุณคลิกวงโคจรของอิเล็กตรอน มันจะกระโดดมายังชั้นที่คุณเลือก แสดงด้วยลูกศร และบอกขนาดของพลังงาน แถบสีดำด้านบน แสดงเส้นของสเปคตรัม ค่าความยาวคลื่นในช่วง 0 ถึง 2000 nm (ช่วงความยาวคลื่นที่ตามองเห็นได้อยู่ระหว่าง 400 ถึง 650 nm) ดังนั้นถ้าการเปลี่ยนระดับพลังงาน อยู่ในช่วงความยาวคลื่น 0 ถึง 2000 nm จะมีเส้นปรากฎในแถบสเปคตรัม และถ้าอยู่ในช่วงคลื่นที่ตามองเห็น จะมีสีปรากฎขึ้นด้วย ใบบันทึกผลการทดลอง ทดสอบอนุกรมบาล์มเมอร์ (Balmer series) อิเล็กตรอน จะเปลี่ยนระดับพลังงานจาก ni = 3 ,4,5,6,7 ลงมาชั้นที่ nf = 2 คลิกเข้าสู่การทดลอง
|
|
|
|
siwapat
|
 |
« ตอบ #1 เมื่อ: มกราคม 14, 2011, 02:33:27 pm » |
|
ผมนายศิวภัทร์ รัตนสมบูรณ์ รหัส 115330411024-6 เลขที่ 18 sec.4 วิศวกรรมโยธา เวลา 2.33 pm. วันที่ 14/1/54 ที่ตึกวิทยาศาสตร์ชั้น 7 แบบจำลองอะตอมของบอร์ ค.ศ. 1913 บอร์ (Niels Bohr) ได้ใช้อะตอมของไฮโดรเจนเป็นแบบจำลองของอะตอม อะตอมของไฮโดรเจนมีโปรตอนเป็นนิวเคลียส 1 ตัว และมีอิเล็กตรอนโคจรรอบนิวเคลียส 1 ตัว บอร์ได้ตั้งสมมติฐานโดยอาศัยแนวความคิดจากทฤษฎีควอนตัมอธิบายโครงสร้างของไฮโดรเจนและการเกิดสเปกตรัมของไฮโดรเจนได้ชัดเจน สมมติฐานของเขามีดังนี้ 1.อิเล็กตรอนของอะตอมมีได้หลายวงโคจร อิเล็กตรอนจะอยู่ในวงเหล่านี้ได้โดยไม่แผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โมเมินตัมเชิงมุมของวงจรมีค่าไม่ต่อเนื่อง มีค่าเป็นจำนวนเต็มของ h/2พาย เรียกสถานะคงตัว
|
|
|
|
watchaiza
|
 |
« ตอบ #2 เมื่อ: มกราคม 21, 2011, 07:30:47 pm » |
|
นายธวัชชัย พลรักษ์ สาขาวิศวกรรมโยธา sec.04 เลขที่ 34 เข้ามาโพสท์ วันที่ 21/01/54 เวลา 19.30 น. สถานที่ บ้าพฤกษา นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจศึกษาและเจาะลึกข้อมูลที่มาจากสเปกตรัมของไฮโดรเจนอะตอมมากเป็นพิเศษ มากกว่าอะตอมของธาตุอื่น เพราะแม้ดวงอาทิตย์มีธาตุชนิดต่างๆจำนวนมากมาย แต่ธาตุที่พบมากที่สุด คือ ธาตุไฮโดรเจน ชั้นบรรยากาศบนดวงอาทิตย์เพียง 2 ชั้นเท่านั้นที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ คือ ชั้นโฟโตสเฟียร์กับชั้นโครโมสเฟียร์ เป็นชั้นบรรยากาศที่เย็นเพียงพอสำหรับธาตุไฮโดรเจนที่สามารถมีอยู่ได้ในรูปอะตอม และตรงนี้นี่เองที่เรามองเห็นสเปกตรัมการดูดกลืนและการคายคลื่นแสงของไฮโดรเจนอะตอม
|
|
|
|
aecve
|
 |
« ตอบ #3 เมื่อ: มกราคม 22, 2011, 11:50:05 am » |
|
กระผม นายปรัชญา พรมอารักษ์ นักศึกษาคณะวิศวกรรมโยธาต่อเนื่อง เลขที่ 26 sec. 4 รหัสประจำตัว 115330411032-9 เรียนกับอาจารย์ จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 22 เดือน มกราคม พ.ศ. 2554 ที่ หอพักโฟ บี 4 เวลา. 11.51 น มีความเห็น การทดลองเสมือนเรื่อง โครงสร้างอะตอม ค.ศ. 1913 บอร์ (Niels Bohr) ได้ใช้อะตอมของไฮโดรเจนเป็นแบบจำลองของอะตอม อะตอมของไฮโดรเจนมีโปรตอนเป็นนิวเคลียส 1 ตัว และมีอิเล็กตรอนโคจรรอบนิวเคลียส 1 ตัว บอร์ได้ตั้งสมมติฐานโดยอาศัยแนวความคิดจากทฤษฎีควอนตัมอธิบายโครงสร้างของไฮโดรเจนและการเกิดสเปกตรัมของไฮโดรเจนได้ชัดเจน
|
|
|
|
pichet
|
 |
« ตอบ #4 เมื่อ: มกราคม 24, 2011, 11:04:54 pm » |
|
นักระผม นายพิเชษฐ์ จันทร์โสภา นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมโยธา sec 4 รหัสประจำตัว 115330411044-4 เลขที่ 37 วันที่ 24/01/54 เวลา 23.07 น. เรียนกับอาจารย์ ผศ.จรัส บุณยธรรมา กวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจศึกษาและเจาะลึกข้อมูลที่มาจากสเปกตรัมของไฮโดรเจนอะตอมมากเป็นพิเศษ มากกว่าอะตอมของธาตุอื่น เพราะแม้ดวงอาทิตย์มีธาตุชนิดต่างๆจำนวนมากมาย แต่ธาตุที่พบมากที่สุด คือ ธาตุไฮโดรเจน ชั้นบรรยากาศบนดวงอาทิตย์เพียง 2 ชั้นเท่านั้นที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ คือ ชั้นโฟโตสเฟียร์กับชั้นโครโมสเฟียร์ เป็นชั้นบรรยากาศที่เย็นเพียงพอสำหรับธาตุไฮโดรเจนที่สามารถมีอยู่ได้ในรูปอะตอม และตรงนี้นี่เองที่เรามองเห็นสเปกตรัมการดูดกลืนและการคายคลื่นแสงของไฮโดรเจนอะตอม
|
|
|
|
sutin
|
 |
« ตอบ #5 เมื่อ: มกราคม 25, 2011, 07:01:55 pm » |
|
นาย สุทิน ศรีวิลัย รหัส 115340441222-9 เลขที่ 25 sec 17 สถานที่ หอพักรัชดา วันที่ 25/1/2554 เวลา 19.04 น. หลักการของบอห์ร ที่สะท้อนมโนภาพนี้อย่างชัดเจนคือ ทฤษฎีความคล้องจอง (Correspondence Theory) และการเติมเต็ม (Principle of Complementarity) ซึ่งทั้งคู่เน้นความคล้ายกันแม้จะอยู่ใต้ความแตกต่างกัน นีลส์ บอห์ร เข้าใจมโนภาพของความกำกวม ณ ระดับลึกซึ้งที่สุด และงานของเขานี้ได้ค้นหาทางแก้ไขความกำกวมนี้ ไปสู่ความกลมกลืนกันได้อย่างยิ่งใหญ่จากวัยเด็กที่ดูเหมือนบอห์รจะมีบุคลิกภาพขัดแย้งกับความเป็นอัจฉริยะของตนเอง ภาพวัยรุ่นตัวใหญ่ขี้อายใส่เสื้อลงแป้งแข็ง แก้มย้อย ริมฝีปากหนา ท่าทางออกจะซุ่มซ่าม ไม่ได้บ่งบอกถึงความฉลาดเฉลียว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันสมองของเขาจะถูกเก็บกัก การเติบโตพร้อมกับน้องชายที่ดูจะมีอะไรดีกว่าเขาทั้งหมด ไม่ได้สร้างปมในใจเขาเลยสักนิด กลับผลักดันให้เขาสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่เสียอีก การถูกเลี้ยงดูในครอบครัวของนักการศึกษามีส่วนให้บอห์รคิดเป็นอย่างมาก ที่บ้านของเขาทุกครั้งที่มี การถกเถียงทางวิชาการหลังมื้ออาหาร ทั้งสองพี่น้องบอห์รจะถูกบังคับให้นั่งฟังเงียบ อยู่ร่วมฟังแต่ห้ามออกเสียงไม่ว่าจะถาม หรือแสดงความคิดเห็น นี่คือแรงผลักอีกประการ ที่ทำให้บอห์รผู้พี่ต้องเป็นนักคิด ด้วยลักษณะที่ร่างกายไม่กระฉับกระเฉง ทุกครั้งที่ทำการทดลอง นีลส์ บอห์ร มักทำหลอดแก้ว เครื่องมือทดลองทั้งหลายแตกหักอยู่เสมอ และนี่นับเป็นประการหนึ่งในปัจจัยที่บอห์รสร้างทฤษฎีควอนตัมได้จากความขัดแย้งและกำกวม
|
|
|
|
aimz
|
 |
« ตอบ #6 เมื่อ: มกราคม 26, 2011, 12:52:57 pm » |
|
นางสาว สุภวรรณ เดชปรีดาผล รหัส 115110903068-4 sec.02
ตอบกระทู้วันที่ 26/01/54 เวลา 12:52 ;วิทยบริการ
สรุปว่า..
นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจศึกษาและเจาะลึกข้อมูลที่มาจากสเปกตรัมของไฮโดรเจนอะตอมมากเป็นพิเศษ มากกว่าอะตอมของธาตุอื่น เพราะแม้ดวงอาทิตย์มีธาตุชนิดต่างๆจำนวนมากมาย แต่ธาตุที่พบมากที่สุด คือ ธาตุไฮโดรเจน ชั้นบรรยากาศบนดวงอาทิตย์เพียง 2 ชั้นเท่านั้นที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ คือ ชั้นโฟโตสเฟียร์กับชั้นโครโมสเฟียร์ เป็นชั้นบรรยากาศที่เย็นเพียงพอสำหรับธาตุไฮโดรเจนที่สามารถมีอยู่ได้ในรูปอะตอม และตรงนี้นี่เองที่เรามองเห็นสเปกตรัมการดูดกลืนและการคายคลื่นแสงของไฮโดรเจนอะตอม
|
|
|
|
pool
|
 |
« ตอบ #7 เมื่อ: มกราคม 27, 2011, 01:25:05 pm » |
|
นางสาวดาวประกาย แก้วเรือง นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาเคมีสิ่งทอ รหัส 115210452059-6 SEC 2 เลขที่ 37 เรียนกับ อาจารย์จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้ วันที่ 27 มกราคม 2554 เวลา 13.25 น. ที่บ้าน มีความเห็นในกระทู้ว่า หลักการของบอห์ร ที่สะท้อนมโนภาพนี้อย่างชัดเจนคือ ทฤษฎีความคล้องจอง (Correspondence Theory) และการเติมเต็ม (Principle of Complementarity) ซึ่งทั้งคู่เน้นความคล้ายกันแม้จะอยู่ใต้ความแตกต่างกัน นีลส์ บอห์ร เข้าใจมโนภาพของความกำกวม ณ ระดับลึกซึ้งที่สุด และงานของเขานี้ได้ค้นหาทางแก้ไขความกำกวมนี้ ไปสู่ความกลมกลืนกันได้อย่างยิ่งใหญ่จากวัยเด็กที่ดูเหมือนบอห์รจะมีบุคลิกภาพขัดแย้งกับความเป็นอัจฉริยะของตนเอง ภาพวัยรุ่นตัวใหญ่ขี้อายใส่เสื้อลงแป้งแข็ง แก้มย้อย ริมฝีปากหนา ท่าทางออกจะซุ่มซ่าม ไม่ได้บ่งบอกถึงความฉลาดเฉลียว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันสมองของเขาจะถูกเก็บกัก การเติบโตพร้อมกับน้องชายที่ดูจะมีอะไรดีกว่าเขาทั้งหมดไม่ได้สร้างปมในใจเขาเลยสักนิด กลับผลักดันให้เขาสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่เสียอีก การถูกเลี้ยงดูในครอบครัวของนักการศึกษามีส่วนให้บอห์รคิดเป็นอย่างมาก ที่บ้านของเขาทุกครั้งที่มีการถกเถียงทางวิชาการหลังมื้ออาหาร ทั้งสองพี่น้องบอห์รจะถูกบังคับให้นั่งฟังเงียบ อยู่ร่วมฟังแต่ห้ามออกเสียงไม่ว่าจะถาม หรือแสดงความคิดเห็น นี่คือแรงผลักอีกประการ ที่ทำให้บอห์รผู้พี่ต้องเป็นนักคิด ด้วยลักษณะที่ร่างกายไม่กระฉับกระเฉง ทุกครั้งที่ทำการทดลอง นีลส์ บอห์ร มักทำหลอดแก้ว เครื่องมือทดลองทั้งหลายแตกหักอยู่เสมอ และนี่นับเป็นประการหนึ่งในปัจจัยที่บอห์รสร้างทฤษฎีควอนตัมได้จากความขัดแย้งและกำกวม
|
|
|
|
rungsan
|
 |
« ตอบ #8 เมื่อ: มกราคม 28, 2011, 01:19:43 am » |
|
นาย รังสรรค์ พัธกาล 115340441243-5 sec 17 เลขที่32 วิศวกรรมอุตสาหการ-การจัดการ วันที่ 28/1/54 เวลา 01.20 น. สถานที่บ้าน นัก วิทยาศาสตร์ให้ความสนใจศึกษาและเจาะลึกข้อมูลที่มาจากสเปกตรัมของไฮโดรเจน อะตอมมากเป็นพิเศษ มากกว่าอะตอมของธาตุอื่น เพราะแม้ดวงอาทิตย์มีธาตุชนิดต่างๆจำนวนมากมาย แต่ธาตุที่พบมากที่สุด คือ ธาตุไฮโดรเจน ชั้นบรรยากาศบนดวงอาทิตย์เพียง 2 ชั้นเท่านั้นที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ คือ ชั้นโฟโตสเฟียร์กับชั้นโครโมสเฟียร์ เป็นชั้นบรรยากาศที่เย็นเพียงพอสำหรับธาตุไฮโดรเจนที่สามารถมีอยู่ได้ในรูป อะตอม และตรงนี้นี่เองที่เรามองเห็นสเปกตรัมการดูดกลืนและการคายคลื่นแสงของ ไฮโดรเจนอะตอม
|
|
|
|
Jutharat
|
 |
« ตอบ #9 เมื่อ: มกราคม 28, 2011, 11:58:11 am » |
|
นางสาวจุฑารัตน์ นาวายนต์ รหัส 115210417058-2 เลขที่ 28 sec 02 เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 28 มกราคม 2554 เวลา12.05ณ หอ RS หลักการของบอห์ร ที่สะท้อนมโนภาพนี้อย่างชัดเจนคือ ทฤษฎีความคล้องจอง (Correspondence Theory) และการเติมเต็ม (Principle of Complementarity) ซึ่งทั้งคู่เน้นความคล้ายกันแม้จะอยู่ใต้ความแตกต่างกัน นีลส์ บอห์ร เข้าใจมโนภาพของความกำกวม ณ ระดับลึกซึ้งที่สุด และงานของเขานี้ได้ค้นหาทางแก้ไขความกำกวมนี้ ไปสู่ความกลมกลืนกันได้อย่างยิ่งใหญ่จากวัยเด็กที่ดูเหมือนบอห์รจะมีบุคลิกภาพขัดแย้งกับความเป็นอัจฉริยะของตนเอง ภาพวัยรุ่นตัวใหญ่ขี้อายใส่เสื้อลงแป้งแข็ง แก้มย้อย ริมฝีปากหนา ท่าทางออกจะซุ่มซ่าม ไม่ได้บ่งบอกถึงความฉลาดเฉลียว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันสมองของเขาจะถูกเก็บกัก การเติบโตพร้อมกับน้องชายที่ดูจะมีอะไรดีกว่าเขาทั้งหมด ไม่ได้สร้างปมในใจเขาเลยสักนิด กลับผลักดันให้เขาสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่เสียอีก การถูกเลี้ยงดูในครอบครัวของนักการศึกษามีส่วนให้บอห์รคิดเป็นอย่างมาก
|
|
|
|
bankclash032
|
 |
« ตอบ #10 เมื่อ: มกราคม 28, 2011, 03:30:44 pm » |
|
กระผม นาย สุริยพงศ์ ทองคำ นักศึกษาคณะวิศวกรรมอุตสาหการ-การจัดการ sec 17 เลขที่ 24 รหัสประจำตัว115340441221-1 เรียนกับอาจารย์ จรัส บุญยธรรมา ตอบเมื่อวันที่ 28/1/54 เวลา 15.30 น. ณ.หอประสงค์ สรุปได้ว่า การทดลองเสมือนเรื่อง โครงสร้างอะตอม ค.ศ. 1913 บอร์ (Niels Bohr) ได้ใช้อะตอมของไฮโดรเจนเป็นแบบจำลองของอะตอม อะตอมของไฮโดรเจนมีโปรตอนเป็นนิวเคลียส 1 ตัว และมีอิเล็กตรอนโคจรรอบนิวเคลียส 1 ตัว บอร์ได้ตั้งสมมติฐานโดยอาศัยแนวความคิดจากทฤษฎีควอนตัมอธิบายโครงสร้างของ ไฮโดรเจนและการเกิดสเปกตรัมของไฮโดรเจนได้ชัดเจน อิเล็กตรอนของอะตอมมีได้หลายวงโคจร อิเล็กตรอนจะอยู่ในวงเหล่านี้ได้โดยไม่แผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โมเมินตัมเชิงมุมของวงจรมีค่าไม่ต่อเนื่อง มีค่าเป็นจำนวนเต็มของ h/2พาย เรียกสถานะคงตัว
|
|
|
|
Sunti
|
 |
« ตอบ #11 เมื่อ: มกราคม 28, 2011, 04:18:17 pm » |
|
Sunti Civil นายสันติ บัวงาม นศ.วิศวกรรมโยธา รหัส 115330411021-2 Sec 4 เลขที่ 16 ตอบกระทู้วันที่ 28/01/54 เวลา 16:1ึ7 น. ณ. หอป้าอ้วน ค.ศ. 1913 บอร์ (Niels Bohr) ได้ใช้อะตอมของไฮโดรเจนเป็นแบบจำลองของอะตอม อะตอมของไฮโดรเจนมีโปรตอนเป็นนิวเคลียส 1 ตัว และมีอิเล็กตรอนโคจรรอบนิวเคลียส 1 ตัว บอร์ได้ตั้งสมมติฐานโดยอาศัยแนวความคิดจากทฤษฎีควอนตัมอธิบายโครงสร้างของไฮโดรเจนและการเกิดสเปกตรัมของไฮโดรเจนได้ชัดเจน สมมติฐานของเขามีดังนี้ 1.อิเล็กตรอนของอะตอมมีได้หลายวงโคจร อิเล็กตรอนจะอยู่ในวงเหล่านี้ได้โดยไม่แผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โมเมินตัมเชิงมุมของวงจรมีค่าไม่ต่อเนื่อง มีค่าเป็นจำนวนเต็มของ h/2พาย เรียกสถานะคงตัว
|
|
|
|
THANAKIT
|
 |
« ตอบ #12 เมื่อ: มกราคม 29, 2011, 04:57:31 pm » |
|
นายธนกฤต เฉื่อยฉ่ำ นศ.วิศวกรรมอุตสาหการ-การจัดการ sec.17 รหัส 115340441248-4 เรียนกับ ผศ.จรัส บุณยธรรมา ตอบกระทู้วันที่วันที่ 29 มกราคม 2554 เวลา16.59 น. สถาน บ้าน นัก วิทยาศาสตร์ให้ความสนใจศึกษาและเจาะลึกข้อมูลที่มาจากสเปกตรัมของไฮโดรเจน อะตอมมากเป็นพิเศษ มากกว่าอะตอมของธาตุอื่น เพราะแม้ดวงอาทิตย์มีธาตุชนิดต่างๆจำนวนมากมาย แต่ธาตุที่พบมากที่สุด คือ ธาตุไฮโดรเจน ชั้นบรรยากาศบนดวงอาทิตย์เพียง 2 ชั้นเท่านั้นที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ คือ ชั้นโฟโตสเฟียร์กับชั้นโครโมสเฟียร์ เป็นชั้นบรรยากาศที่เย็นเพียงพอสำหรับธาตุไฮโดรเจนที่สามารถมีอยู่ได้ในรูป อะตอม และตรงนี้นี่เองที่เรามองเห็นสเปกตรัมการดูดกลืนและการคายคลื่นแสงของ ไฮโดรเจนอะตอม
|
|
|
|
kittisap
|
 |
« ตอบ #13 เมื่อ: มกราคม 29, 2011, 08:21:51 pm » |
|
กระผม นายกิตติศัพท์ ถนัดงาน นศ.วิศวกรรมอุตสาหการ-การจัดการ sec.4 เรียนกับ ผศ.จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 29 มกราคม 2554 ที่ บ้าน ซอยพรธิสาร3 เวลา 20.21 น. ความคิดเห็นว่า นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจศึกษาและเจาะลึกข้อมูลที่มาจากสเปกตรัมของไฮโดรเจนอะตอมมากเป็นพิเศษ มากกว่าอะตอมของธาตุอื่น เพราะแม้ดวงอาทิตย์มีธาตุชนิดต่างๆจำนวนมากมาย แต่ธาตุที่พบมากที่สุด คือ ธาตุไฮโดรเจน ชั้นบรรยากาศบนดวงอาทิตย์เพียง 2 ชั้นเท่านั้นที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ คือ ชั้นโฟโตสเฟียร์กับชั้นโครโมสเฟียร์ เป็นชั้นบรรยากาศที่เย็นเพียงพอสำหรับธาตุไฮโดรเจนที่สามารถมีอยู่ได้ในรูปอะตอม และตรงนี้นี่เองที่เรามองเห็นสเปกตรัมการดูดกลืนและการคายคลื่นแสงของไฮโดรเจนอะตอม
|
|
|
|
Kunlaya
|
 |
« ตอบ #14 เมื่อ: มกราคม 30, 2011, 10:48:48 am » |
|
นางสาวกัลยา เปรมเปรย นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ sec 2 เลขที่ 33 เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 30 มกราคม 2554 เวลา 10.46 น. ที่ หอพัก เรียนกับ ผศ.จรัส บุณยธรรมา มีความคิดเห็นว่า หลักการของบอห์ร ที่สะท้อนมโนภาพนี้อย่างชัดเจนคือ ทฤษฎีความคล้องจอง (Correspondence Theory) และการเติมเต็ม (Principle of Complementarity) ซึ่งทั้งคู่เน้นความคล้ายกันแม้จะอยู่ใต้ความแตกต่างกัน นีลส์ บอห์ร เข้าใจมโนภาพของความกำกวม ณ ระดับลึกซึ้งที่สุด และงานของเขานี้ได้ค้นหาทางแก้ไขความกำกวมนี้ ไปสู่ความกลมกลืนกันได้อย่างยิ่งใหญ่จากวัยเด็กที่ดูเหมือนบอห์รจะมีบุคลิกภาพขัดแย้งกับความเป็นอัจฉริยะของตนเอง ภาพวัยรุ่นตัวใหญ่ขี้อายใส่เสื้อลงแป้งแข็ง แก้มย้อย ริมฝีปากหนา ท่าทางออกจะซุ่มซ่าม ไม่ได้บ่งบอกถึงความฉลาดเฉลียว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันสมองของเขาจะถูกเก็บกัก การเติบโตพร้อมกับน้องชายที่ดูจะมีอะไรดีกว่าเขาทั้งหมด ไม่ได้สร้างปมในใจเขาเลยสักนิด กลับผลักดันให้เขาสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่เสียอีก การถูกเลี้ยงดูในครอบครัวของนักการศึกษามีส่วนให้บอห์รคิดเป็นอย่างมาก
|
|
|
|
titikron
|
 |
« ตอบ #15 เมื่อ: มกราคม 30, 2011, 11:26:42 am » |
|
นาย ฐิติกร แก้วประชา รหัส 115330411022-0 เลขที่ 17 sec 4 วิศวกรรมโยธาต่อเนื่อง วันที่ 30/01/54 เวลา 11.25 น. หอโฟร์บี หลักการของบอห์ร ที่สะท้อนมโนภาพนี้อย่างชัดเจนคือ ทฤษฎีความคล้องจอง (Correspondence Theory) และการเติมเต็ม (Principle of Complementarity) ซึ่งทั้งคู่เน้นความคล้ายกันแม้จะอยู่ใต้ความแตกต่างกัน นีลส์ บอห์ร เข้าใจมโนภาพของความกำกวม ณ ระดับลึกซึ้งที่สุด และงานของเขานี้ได้ค้นหาทางแก้ไขความกำกวมนี้ ไปสู่ความกลมกลืนกันได้อย่างยิ่งใหญ่จากวัยเด็กที่ดูเหมือนบอห์รจะมีบุคลิกภาพขัดแย้งกับความเป็นอัจฉริยะของตนเอง ภาพวัยรุ่นตัวใหญ่ขี้อายใส่เสื้อลงแป้งแข็ง แก้มย้อย ริมฝีปากหนา ท่าทางออกจะซุ่มซ่าม ไม่ได้บ่งบอกถึงความฉลาดเฉลียว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันสมองของเขาจะถูกเก็บกัก การเติบโตพร้อมกับน้องชายที่ดูจะมีอะไรดีกว่าเขาทั้งหมด ไม่ได้สร้างปมในใจเขาเลยสักนิด กลับผลักดันให้เขาสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่เสียอีก การถูกเลี้ยงดูในครอบครัวของนักการศึกษามีส่วนให้บอห์รคิดเป็นอย่างมาก ที่บ้านของเขาทุกครั้งที่มี การถกเถียงทางวิชาการหลังมื้ออาหาร ทั้งสองพี่น้องบอห์รจะถูกบังคับให้นั่งฟังเงียบ อยู่ร่วมฟังแต่ห้ามออกเสียงไม่ว่าจะถาม หรือแสดงความคิดเห็น นี่คือแรงผลักอีกประการ ที่ทำให้บอห์รผู้พี่ต้องเป็นนักคิด ด้วยลักษณะที่ร่างกายไม่กระฉับกระเฉง ทุกครั้งที่ทำการทดลอง นีลส์ บอห์ร มักทำหลอดแก้ว เครื่องมือทดลองทั้งหลายแตกหักอยู่เสมอ และนี่นับเป็นประการหนึ่งในปัจจัยที่บอห์รสร้างทฤษฎีควอนตัมได้จากความขัดแย้งและกำกวม
|
|
|
|
pongpat
|
 |
« ตอบ #16 เมื่อ: มกราคม 30, 2011, 05:38:03 pm » |
|
กระผมนายพงษ์พัฒน์ น้อยโพธิ์ นศ.วิศวกรรมอุตสาหการ-การจัดการ sec 4 เลขที่ 51 รหัส 115330441207-1 เรียนกับ ผศ.จรัส บุณยธรรมาเข้ามาตอบกระทู้วันที่ 30 มกราคม 2554 ที่ บ้าน เวลา 17.02 น หลักการของบอห์ร ที่สะท้อนมโนภาพนี้อย่างชัดเจนคือ ทฤษฎีความคล้องจอง (Correspondence Theory) และการเติมเต็ม (Principle of Complementarity) ซึ่งทั้งคู่เน้นความคล้ายกันแม้จะอยู่ใต้ความแตกต่างกัน นีลส์ บอห์ร เข้าใจมโนภาพของความกำกวม ณ ระดับลึกซึ้งที่สุด และงานของเขานี้ได้ค้นหาทางแก้ไขความกำกวมนี้ ไปสู่ความกลมกลืนกันได้อย่างยิ่งใหญ่จากวัยเด็กที่ดูเหมือนบอห์รจะมีบุคลิกภาพขัดแย้งกับความเป็นอัจฉริยะของตนเอง ภาพวัยรุ่นตัวใหญ่ขี้อายใส่เสื้อลงแป้งแข็ง แก้มย้อย ริมฝีปากหนา ท่าทางออกจะซุ่มซ่าม ไม่ได้บ่งบอกถึงความฉลาดเฉลียว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันสมองของเขาจะถูกเก็บกัก การเติบโตพร้อมกับน้องชายที่ดูจะมีอะไรดีกว่าเขาทั้งหมด ไม่ได้สร้างปมในใจเขาเลยสักนิด กลับผลักดันให้เขาสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่เสียอีก การถูกเลี้ยงดูในครอบครัวของนักการศึกษามีส่วนให้บอห์รคิดเป็นอย่างมาก
|
|
|
|
sompol w. 53444 INE
|
 |
« ตอบ #17 เมื่อ: มกราคม 30, 2011, 08:34:08 pm » |
|
  กระผม นายสมพล วงศ์ไชย คณะ วิศวกรรมอุตสาหการ sec 17 รหัสนักศึกษา 115340441208-8 เรียนกับอาจารย์ จรัส บุณยธรรมา เข้าตอบกระทู้วันที่ 30 เดือน มกราคม พศ.2554 ที่ จันทร์เพ็ญอพาร์ทเมนท์ เวลา 20:34 นัก วิทยาศาสตร์ให้ความสนใจศึกษาและเจาะลึกข้อมูลที่มาจากสเปกตรัมของไฮโดรเจน อะตอมมากเป็นพิเศษ มากกว่าอะตอมของธาตุอื่น เพราะแม้ดวงอาทิตย์มีธาตุชนิดต่างๆจำนวนมากมาย แต่ธาตุที่พบมากที่สุด คือ ธาตุไฮโดรเจน ชั้นบรรยากาศบนดวงอาทิตย์เพียง 2 ชั้นเท่านั้นที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ คือ ชั้นโฟโตสเฟียร์กับชั้นโครโมสเฟียร์ เป็นชั้นบรรยากาศที่เย็นเพียงพอสำหรับธาตุไฮโดรเจนที่สามารถมีอยู่ได้ในรูป อะตอม และตรงนี้นี่เองที่เรามองเห็นสเปกตรัมการดูดกลืนและการคายคลื่นแสงของ ไฮโดรเจนอะตอม
|
|
|
|
satawat
|
 |
« ตอบ #18 เมื่อ: มกราคม 30, 2011, 09:51:50 pm » |
|
นายศตวรรษ รัตนภักดี นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ sec 2 เลขที่ 34 เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 30 มกราคม 2554 เวลา 21.51 น. ที่ หอพัก เรียนกับ ผศ.จรัส บุณยธรรมา ความว่า นัก วิทยาศาสตร์ให้ความสนใจศึกษาและเจาะลึกข้อมูลที่มาจากสเปกตรัมของไฮโดรเจน อะตอมมากเป็นพิเศษ มากกว่าอะตอมของธาตุอื่น เพราะแม้ดวงอาทิตย์มีธาตุชนิดต่างๆจำนวนมากมาย แต่ธาตุที่พบมากที่สุด คือ ธาตุไฮโดรเจน ชั้นบรรยากาศบนดวงอาทิตย์เพียง 2 ชั้นเท่านั้นที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ คือ ชั้นโฟโตสเฟียร์กับชั้นโครโมสเฟียร์ เป็นชั้นบรรยากาศที่เย็นเพียงพอสำหรับธาตุไฮโดรเจนที่สามารถมีอยู่ได้ในรูป อะตอม และตรงนี้นี่เองที่เรามองเห็นสเปกตรัมการดูดกลืนและการคายคลื่นแสงของ ไฮโดรเจนอะตอม
|
|
|
|
Jutamat
|
 |
« ตอบ #19 เมื่อ: มกราคม 31, 2011, 02:48:31 pm » |
|
น.ส. จุฑามาศ เชื้ออภัย นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี sec.02 เลขที่ 44 รหัสนักศึกษา 115210904056-6 ผู้สอน อาจารย์จรัส บุญยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 31/01/54 ณ หอพักสวัสดิการนักศึกษา มทร.ธัญบุรี เวลา 14.18 น. สรุปว่า
หลักการของบอห์ร ที่สะท้อนมโนภาพนี้อย่างชัดเจนคือ ทฤษฎีความคล้องจอง (Correspondence Theory) และการเติมเต็ม (Principle of Complementarity) ซึ่งทั้งคู่เน้นความคล้ายกันแม้จะอยู่ใต้ความแตกต่างกัน นีลส์ บอห์ร เข้าใจมโนภาพของความกำกวม ณ ระดับลึกซึ้งที่สุด และงานของเขานี้ได้ค้นหาทางแก้ไขความกำกวมนี้ไปสู่ความกลมกลืนกันได้อย่างยิ่งใหญ่จากวัยเด็กที่ดูเหมือนบอห์รจะมีบุคลิกภาพขัดแย้งกับความเป็นอัจฉริยะของตนเอง ภาพวัยรุ่นตัวใหญ่ขี้อายใส่เสื้อลงแป้งแข็ง แก้มย้อย ริมฝีปากหนา ท่าทางออกจะซุ่มซ่าม ไม่ได้บ่งบอกถึงความฉลาดเฉลียว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันสมองของเขาจะถูกเก็บกัก การเติบโตพร้อมกับน้องชายที่ดูจะมีอะไรดีกว่าเขาทั้งหมดไม่ได้สร้างปมในใจเขาเลยสักนิด กลับผลักดันให้เขาสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่เสียอีก การถูกเลี้ยงดูในครอบครัวของนักการศึกษามีส่วนให้บอห์รคิดเป็นอย่างมาก
|
|
|
|
suppachok
|
 |
« ตอบ #20 เมื่อ: มกราคม 31, 2011, 03:21:18 pm » |
|
นาย ศุภโชค เปรมกิจ วิศวกรรมโยธา รหัส 115330411051-9เลขที่ 44 sec 04 สถานที่ วิทยะบริการ วันที่ 31/1/2554 เวลา 15.21 น. หลักการของบอห์ร ที่สะท้อนมโนภาพนี้อย่างชัดเจนคือ ทฤษฎีความคล้องจอง (Correspondence Theory) และการเติมเต็ม (Principle of Complementarity) ซึ่งทั้งคู่เน้นความคล้ายกันแม้จะอยู่ใต้ความแตกต่างกัน นีลส์ บอห์ร เข้าใจมโนภาพของความกำกวม ณ ระดับลึกซึ้งที่สุด และงานของเขานี้ได้ค้นหาทางแก้ไขความกำกวมนี้ ไปสู่ความกลมกลืนกันได้อย่างยิ่งใหญ่จากวัยเด็กที่ดูเหมือนบอห์รจะมีบุคลิกภาพขัดแย้งกับความเป็นอัจฉริยะของตนเอง ภาพวัยรุ่นตัวใหญ่ขี้อายใส่เสื้อลงแป้งแข็ง แก้มย้อย ริมฝีปากหนา ท่าทางออกจะซุ่มซ่าม ไม่ได้บ่งบอกถึงความฉลาดเฉลียว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันสมองของเขาจะถูกเก็บกัก การเติบโตพร้อมกับน้องชายที่ดูจะมีอะไรดีกว่าเขาทั้งหมด ไม่ได้สร้างปมในใจเขาเลยสักนิด กลับผลักดันให้เขาสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่เสียอีก การถูกเลี้ยงดูในครอบครัวของนักการศึกษามีส่วนให้บอห์รคิดเป็นอย่างมาก ที่บ้านของเขาทุกครั้งที่มี การถกเถียงทางวิชาการหลังมื้ออาหาร ทั้งสองพี่น้องบอห์รจะถูกบังคับให้นั่งฟังเงียบ อยู่ร่วมฟังแต่ห้ามออกเสียงไม่ว่าจะถาม หรือแสดงความคิดเห็น นี่คือแรงผลักอีกประการ ที่ทำให้บอห์รผู้พี่ต้องเป็นนักคิด ด้วยลักษณะที่ร่างกายไม่กระฉับกระเฉง ทุกครั้งที่ทำการทดลอง นีลส์ บอห์ร มักทำหลอดแก้ว เครื่องมือทดลองทั้งหลายแตกหักอยู่เสมอ และนี่นับเป็นประการหนึ่งในปัจจัยที่บอห์รสร้างทฤษฎีควอนตัมได้จากความขัดแย้งและกำกวม
|
|
|
|
werayut rmutt
|
 |
« ตอบ #21 เมื่อ: มกราคม 31, 2011, 03:54:58 pm » |
|
นายวีรยุทธ บุญใหญ่ รหัส115330411052-7 เลขที่ 45 sec.4 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมโยธา เข้าตอบกระทู้เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2554 เวลา 15.53 น. ณ ตึกวิทยะบริการ
นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจศึกษาและเจาะลึกข้อมูลที่มาจากสเปกตรัมของไฮโดรเจนอะตอมมากเป็นพิเศษ มากกว่าอะตอมของธาตุอื่น เพราะแม้ดวงอาทิตย์มีธาตุชนิดต่างๆจำนวนมากมาย แต่ธาตุที่พบมากที่สุด คือ ธาตุไฮโดรเจน ชั้นบรรยากาศบนดวงอาทิตย์เพียง 2 ชั้นเท่านั้นที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ คือ ชั้นโฟโตสเฟียร์กับชั้นโครโมสเฟียร์ เป็นชั้นบรรยากาศที่เย็นเพียงพอสำหรับธาตุไฮโดรเจนที่สามารถมีอยู่ได้ในรูปอะตอม และตรงนี้นี่เองที่เรามองเห็นสเปกตรัมการดูดกลืนและการคายคลื่นแสงของไฮโดรเจนอะตอม
|
|
|
|
ronachai
|
 |
« ตอบ #22 เมื่อ: มกราคม 31, 2011, 04:20:36 pm » |
|
หลักการของบอห์ร ที่สะท้อนมโนภาพนี้อย่างชัดเจนคือ ทฤษฎีความคล้องจอง (Correspondence Theory) และการเติมเต็ม (Principle of Complementarity) นาย รณชัย รุกขวัฒน์ วิศวกรรมโยธา 115330411002-2 sce 4 กะทู้เมื่อ วันที่ 31 มกราคม 2554 เวลา 16.20 น. ณ ห้องสมุดมหาลัย ซึ่งทั้งคู่เน้นความคล้ายกันแม้จะอยู่ใต้ความแตกต่างกัน นีลส์ บอห์ร เข้าใจมโนภาพของความกำกวม ณ ระดับลึกซึ้งที่สุด และงานของเขานี้ได้ค้นหาทางแก้ไขความกำกวมนี้ ไปสู่ความกลมกลืนกันได้อย่างยิ่งใหญ่จากวัยเด็กที่ดูเหมือนบอห์รจะมีบุคลิกภาพขัดแย้งกับความเป็นอัจฉริยะของตนเอง ภาพวัยรุ่นตัวใหญ่ขี้อายใส่เสื้อลงแป้งแข็ง แก้มย้อย ริมฝีปากหนา ท่าทางออกจะซุ่มซ่าม ไม่ได้บ่งบอกถึงความฉลาดเฉลียว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันสมองของเขาจะถูกเก็บกัก การเติบโตพร้อมกับน้องชายที่ดูจะมีอะไรดีกว่าเขาทั้งหมด ไม่ได้สร้างปมในใจเขาเลยสักนิด กลับผลักดันให้เขาสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่เสียอีก การถูกเลี้ยงดูในครอบครัวของนักการศึกษามีส่วนให้บอห์รคิดเป็นอย่างมาก ที่บ้านของเขาทุกครั้งที่มี การถกเถียงทางวิชาการหลังมื้ออาหาร ทั้งสองพี่น้องบอห์รจะถูกบังคับให้นั่งฟังเงียบ อยู่ร่วมฟังแต่ห้ามออกเสียงไม่ว่าจะถาม หรือแสดงความคิดเห็น นี่คือแรงผลักอีกประการ ที่ทำให้บอห์รผู้พี่ต้องเป็นนักคิด ด้วยลักษณะที่ร่างกายไม่กระฉับกระเฉง ทุกครั้งที่ทำการทดลอง นีลส์ บอห์ร มักทำหลอดแก้ว เครื่องมือทดลองทั้งหลายแตกหักอยู่เสมอ และนี่นับเป็นประการหนึ่งในปัจจัยที่บอห์รสร้างทฤษฎีควอนตัมได้จากความขัดแย้งและกำกวม
|
|
|
|
alongkorn hunbuathong
|
 |
« ตอบ #23 เมื่อ: มกราคม 31, 2011, 05:02:39 pm » |
|
นายอลงกรณ์ หุ่นบัวทอง รหัส 115330411026-1 เลขที่ 20 กลุ่ม 53341 cve Sec 04 สาขาวิชาวิศวกรรมโยธา วันที่ 31/1/54 เวลา 17.02 น. ณ บ้านบางชันวิลล่า นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจศึกษาและเจาะลึกข้อมูลที่มาจากสเปกตรัมของไฮโดรเจนอะตอมมากเป็นพิเศษ มากกว่าอะตอมของธาตุอื่น เพราะแม้ดวงอาทิตย์มีธาตุชนิดต่างๆจำนวนมากมาย แต่ธาตุที่พบมากที่สุด คือ ธาตุไฮโดรเจน ชั้นบรรยากาศบนดวงอาทิตย์เพียง 2 ชั้นเท่านั้นที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ คือ ชั้นโฟโตสเฟียร์กับชั้นโครโมสเฟียร์ เป็นชั้นบรรยากาศที่เย็นเพียงพอสำหรับธาตุไฮโดรเจนที่สามารถมีอยู่ได้ในรูปอะตอม และตรงนี้นี่เองที่เรามองเห็นสเปกตรัมการดูดกลืนและการคายคลื่นแสงของไฮโดรเจนอะตอม
|
|
|
|
Monthon
|
 |
« ตอบ #24 เมื่อ: มกราคม 31, 2011, 08:20:57 pm » |
|
กระผม นายมณฑล รินชุมภู นักศึกษาคณะ วิศวกรรมศาตร์ สาขา อุตสาหการ-การจัดการ (สมทบ) SEC.17 รหัสประจำตัว 115340441206-2 เลขที่ 16 เรียนกับอาจารย์ จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 31 เดือน มกราคม พศ.2554 เวลา 20.20น. สถานที่ บ้านพักที่วังน้อย
สรุปได้ว่า แบบจำลองอะตอมของบอร์ ค.ศ. 1913 บอร์ (Niels Bohr) ได้ใช้อะตอมของไฮโดรเจนเป็นแบบจำลองของอะตอม อะตอมของไฮโดรเจนมีโปรตอนเป็นนิวเคลียส 1 ตัว และมีอิเล็กตรอนโคจรรอบนิวเคลียส 1 ตัว บอร์ได้ตั้งสมมติฐานโดยอาศัยแนวความคิดจากทฤษฎีควอนตัมอธิบายโครงสร้างของไฮโดรเจนและการเกิดสเปกตรัมของไฮโดรเจนได้ชัดเจน สมมติฐานของเขามีดังนี้ 1.อิเล็กตรอนของอะตอมมีได้หลายวงโคจร อิเล็กตรอนจะอยู่ในวงเหล่านี้ได้โดยไม่แผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โมเมินตัมเชิงมุมของวงจรมีค่าไม่ต่อเนื่อง มีค่าเป็นจำนวนเต็มของ h/2พาย เรียกสถานะคงตัว
|
|
|
|
nachaya
|
 |
« ตอบ #25 เมื่อ: มกราคม 31, 2011, 08:49:43 pm » |
|
ผมนาย ณชย ประสพเนตร์ นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ sec 4 เลขที่ 49 เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 31 มกราคม 2554 เวลา 20.50 น. ที่ บ้าน เรียนกับ ผศ.จรัส บุณยธรรมา มีความคิดเห็นว่า
นัก วิทยาศาสตร์ให้ความสนใจศึกษาและเจาะลึกข้อมูลที่มาจากสเปกตรัมของไฮโดรเจน อะตอมมากเป็นพิเศษ มากกว่าอะตอมของธาตุอื่น เพราะแม้ดวงอาทิตย์มีธาตุชนิดต่างๆจำนวนมากมาย แต่ธาตุที่พบมากที่สุด คือ ธาตุไฮโดรเจน ชั้นบรรยากาศบนดวงอาทิตย์เพียง 2 ชั้นเท่านั้นที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ คือ ชั้นโฟโตสเฟียร์กับชั้นโครโมสเฟียร์ เป็นชั้นบรรยากาศที่เย็นเพียงพอสำหรับธาตุไฮโดรเจนที่สามารถมีอยู่ได้ในรูป อะตอม และตรงนี้นี่เองที่เรามองเห็นสเปกตรัมการดูดกลืนและการคายคลื่นแสงของ ไฮโดรเจนอะตอม
|
|
|
|
somphoch
|
 |
« ตอบ #26 เมื่อ: มกราคม 31, 2011, 10:15:53 pm » |
|
นายสมโภชน์ จิกกรีนัย sec.17 เลขที่34 รหัสนักศึกษา 115340441247-6 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาอุตสาหการ-การจัดการ ตอบวันที่ 31/01/54 เวลา22.15น. ที่บ้าน เรียนกับ ผศ.จรัส บุณยธรรมา นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจศึกษาและเจาะลึกข้อมูลที่มาจากสเปกตรัมของไฮโดรเจนอะตอมมากเป็นพิเศษ มากกว่าอะตอมของธาตุอื่น เพราะแม้ดวงอาทิตย์มีธาตุชนิดต่างๆจำนวนมากมาย แต่ธาตุที่พบมากที่สุด คือ ธาตุไฮโดรเจน ชั้นบรรยากาศบนดวงอาทิตย์เพียง 2 ชั้นเท่านั้นที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ คือ ชั้นโฟโตสเฟียร์กับชั้นโครโมสเฟียร์ เป็นชั้นบรรยากาศที่เย็นเพียงพอสำหรับธาตุไฮโดรเจนที่สามารถมีอยู่ได้ในรูปอะตอม และตรงนี้นี่เองที่เรามองเห็นสเปกตรัมการดูดกลืนและการคายคลื่นแสงของไฮโดรเจนอะตอม
|
|
|
|
sathian757
|
 |
« ตอบ #27 เมื่อ: มกราคม 31, 2011, 11:20:06 pm » |
|
นายชัยยันต์ นุยืนรัมย์ นักศึกษาคณะวิศวกรรมอุตสาหการ-การจัดการ sec 17 เลขที่ 21 รหัสประจำตัว115340441215-3 เรียนกับอาจารย์ จรัส บุญยธรรมา ตอบเมื่อวันที่ 31/01/54 เวลา 23.18 น. สถานที่ ห้องพักนวนคร นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจศึกษาและเจาะลึกข้อมูลที่มาจากสเปกตรัมของไฮโดรเจนอะตอมมากเป็นพิเศษ มากกว่าอะตอมของธาตุอื่น เพราะแม้ดวงอาทิตย์มีธาตุชนิดต่างๆจำนวนมากมาย แต่ธาตุที่พบมากที่สุด คือ ธาตุไฮโดรเจน ชั้นบรรยากาศบนดวงอาทิตย์เพียง 2 ชั้นเท่านั้นที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ คือ ชั้นโฟโตสเฟียร์กับชั้นโครโมสเฟียร์ เป็นชั้นบรรยากาศที่เย็นเพียงพอสำหรับธาตุไฮโดรเจนที่สามารถมีอยู่ได้ในรูปอะตอม และตรงนี้นี่เองที่เรามองเห็นสเปกตรัมการดูดกลืนและการคายคลื่นแสงของไฮโดรเจนอะตอม
|
|
|
|
chinnapot
|
 |
« ตอบ #28 เมื่อ: มกราคม 31, 2011, 11:45:21 pm » |
|
นายชินพจน์ เดชเกษรินทร์ คณะ วิศวกรรมอุตสาหการ-การจักการ รหัส 115340441238-5 sec17 วันที่31/01/54 เวลา23.45 ณ ทรัพย์ถาวรอพาร์ทเม้นท์
นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจศึกษาและเจาะลึกข้อมูลที่มาจากสเปกตรัมของไฮโดรเจนอะตอมมากเป็นพิเศษ มากกว่าอะตอมของธาตุอื่น เพราะแม้ดวงอาทิตย์มีธาตุชนิดต่างๆจำนวนมากมาย แต่ธาตุที่พบมากที่สุด คือ ธาตุไฮโดรเจน ชั้นบรรยากาศบนดวงอาทิตย์เพียง 2 ชั้นเท่านั้นที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ คือ ชั้นโฟโตสเฟียร์กับชั้นโครโมสเฟียร์ เป็นชั้นบรรยากาศที่เย็นเพียงพอสำหรับธาตุไฮโดรเจนที่สามารถมีอยู่ได้ในรูปอะตอม และตรงนี้นี่เองที่เรามองเห็นสเปกตรัมการดูดกลืนและการคายคลื่นแสงของไฮโดรเจนอะตอม
|
|
|
|
sathian757
|
 |
« ตอบ #29 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2011, 12:11:45 am » |
|
นายเสถียร ปานามะเส คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาอุตสาหการ-การจัดการ sec.17 รหัสประจำตัว115340441203-9 ตอบกระทู้วันที่ 01/02/54 เวลา 00:11น. สถานที่ หอพัก นวนคร สรุปได้ว่า หลักการของบอห์ร ที่สะท้อนมโนภาพนี้อย่างชัดเจนคือ ทฤษฎีความคล้องจอง (Correspondence Theory) และการเติมเต็ม (Principle of Complementarity) ซึ่งทั้งคู่เน้นความคล้ายกันแม้จะอยู่ใต้ความแตกต่างกัน นีลส์ บอห์ร เข้าใจมโนภาพของความกำกวม ณ ระดับลึกซึ้งที่สุด และงานของเขานี้ได้ค้นหาทางแก้ไขความกำกวมนี้ ไปสู่ความกลมกลืนกันได้อย่างยิ่งใหญ่จากวัยเด็กที่ดูเหมือนบอห์รจะมีบุคลิกภาพขัดแย้งกับความเป็นอัจฉริยะของตนเอง ภาพวัยรุ่นตัวใหญ่ขี้อายใส่เสื้อลงแป้งแข็ง แก้มย้อย ริมฝีปากหนา ท่าทางออกจะซุ่มซ่าม ไม่ได้บ่งบอกถึงความฉลาดเฉลียว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันสมองของเขาจะถูกเก็บกัก การเติบโตพร้อมกับน้องชายที่ดูจะมีอะไรดีกว่าเขาทั้งหมด ไม่ได้สร้างปมในใจเขาเลยสักนิด กลับผลักดันให้เขาสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่เสียอีก การถูกเลี้ยงดูในครอบครัวของนักการศึกษามีส่วนให้บอห์รคิดเป็นอย่างมาก ที่บ้านของเขาทุกครั้งที่มี การถกเถียงทางวิชาการหลังมื้ออาหาร ทั้งสองพี่น้องบอห์รจะถูกบังคับให้นั่งฟังเงียบ อยู่ร่วมฟังแต่ห้ามออกเสียงไม่ว่าจะถาม หรือแสดงความคิดเห็น นี่คือแรงผลักอีกประการ ที่ทำให้บอห์รผู้พี่ต้องเป็นนักคิด ด้วยลักษณะที่ร่างกายไม่กระฉับกระเฉง ทุกครั้งที่ทำการทดลอง นีลส์ บอห์ร มักทำหลอดแก้ว เครื่องมือทดลองทั้งหลายแตกหักอยู่เสมอ และนี่นับเป็นประการหนึ่งในปัจจัยที่บอห์รสร้างทฤษฎีควอนตัมได้จากความขัดแย้งและกำกวม
|
|
|
|
|