NISUMA
|
 |
« ตอบ #90 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 07:43:33 pm » |
|
นางสาวนิสุมา พรมนวล รหัส115110901010-8 เลขที่8 sec02 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาคณิตศาสตร์ เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2554 แสงเลเซอร์ เป็นแสงที่มีระเบียบสูง และเป็นแสงอาพันธ์ นักวิทยาศาสตร์ทราบกันดีอยู่แล้วว่า แสงเป็นได้ทั้งอนุภาคกับคลื่น หรือเป็นได้ทั้งสองอย่างพร้อมๆกัน ถ้าเราสมมติว่าแสงเป็นอนุภาคเล็กๆ ลำแสงเลเซอร์ ก็คือลำของอนุภาคขนาดจิ๋ว ที่พุ่งไปข้างหน้าอย่างมีระเบียบ หรือถ้าเราสมมติให้แสงเป็นคลื่น ลำแสงเลเซอร์ก็คือ ลูกคลื่นที่มีความคลื่นเท่ากันทุกลูกคลื่น เมื่อโฟตอนเข้าชนกับอะตอม จะทำให้อะตอมอยู่ในสถานะถูกกระตุ้น ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเมื่อมันถูกพุ่งชนอีกครั้ง อะตอมจะปลดปล่อยโฟตอนใหม่ออกมา มีลักษณะเหมือนกับโฟตอนที่พุ่งเข้าชน และมีสีเดียวกัน ถ้ามีพลังงานมากพอจะพุ่งออกมาในทิศทางเดียวกัน เราเรียกกระบวนการนี้ว่า การปล่อยโฟตอนแบบกระตุ้น (Stimulated emission)
|
|
|
|
Nhamtoey
|
 |
« ตอบ #91 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 07:46:15 pm » |
|
นางสาวเรวดี จันท้าว ภาควิชาวิศวกรรมโยธา sec 04 รหัส 115330411006-3 เลขที่ 6 ตั้งกระทู้วันที่ 9/02/2554 เวลา 19.41น. ที่ หอพักโอนิน5
แสงเลเซอร์ เป็นแสงที่มีระเบียบสูง และเป็นแสงอาพันธ์ นักวิทยาศาสตร์ทราบกันดีอยู่แล้วว่า แสงเป็นได้ทั้งอนุภาคกับคลื่น หรือเป็นได้ทั้งสองอย่างพร้อมๆกัน ถ้าเราสมมติว่าแสงเป็นอนุภาคเล็กๆ ลำแสงเลเซอร์ ก็คือลำของอนุภาคขนาดจิ๋ว ที่พุ่งไปข้างหน้าอย่างมีระเบียบ หรือถ้าเราสมมติให้แสงเป็นคลื่น ลำแสงเลเซอร์ก็คือ ลูกคลื่นที่มีความคลื่นเท่ากันทุกลูกคลื่น เมื่อโฟตอนเข้าชนกับอะตอม จะทำให้อะตอมอยู่ในสถานะถูกกระตุ้น ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเมื่อมันถูกพุ่งชนอีกครั้ง อะตอมจะปลดปล่อยโฟตอนใหม่ออกมา มีลักษณะเหมือนกับโฟตอนที่พุ่งเข้าชน และมีสีเดียวกัน ถ้ามีพลังงานมากพอจะพุ่งออกมาในทิศทางเดียวกัน เราเรียกกระบวนการนี้ว่า การปล่อยโฟตอนแบบกระตุ้น (Stimulated emission) โฟตอนที่เหมือนกัน จะถูกทำให้เพิ่มขึ้นตลอดเวลา หรือพูดอีกนัยหนึ่ง คือถูกขยายขึ้นนั่นเอง คำว่าขยาย หรือ โตขึ้น ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า แอมพลิฟาย (Amplified) คำว่า เลเซอร์ (laser) ย่อมาจากคำว่า light amplification by stimulated emission of radiation ไม่ทราบว่าจะแปลเป็นไทยให้สละสลวยได้อย่างไร มันยาวเหลือเกิน การทำให้อะตอมอยู่ในสถานะที่ถูกกระตุ้น และทำให้เกิดแสงเลเซอร์ขึ้น ใช้เวลาสั้นมากๆ แต่ในการทดลองที่เราสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการอธิบาย เป็นภาพช้า(slow motion) ที่แสดงการเกิดทุกขั้นทุกตอน จึงไม่ใช่เวลาจริง เพราะของจริงเร็วกว่านี้นับเป็นล้านๆเท่าค่ะ
|
|
|
|
dararat
|
 |
« ตอบ #92 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 07:49:50 pm » |
|
นางสาวดารารัตน์ นิรันต์เรือง รหัส 115210904035-0 sec 02 เลขที่ 41 คณะวิทยาศาสตร์เเละเทคโนโลยี สาขาชีววิทยา อาจารย์ผู้สอนจรัส บุญธรรมา เข้ามาตอบกระทู้เมื่อวัน 9 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 19:49 ณ ห้องพักส่วนตัว ซ.zoom สรุปได้ว่า แสงเลเซอร์เป็นแสงที่มีระเบียบสูงและเป็นแสงอาพันธ์ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ทราบกันดีอยู่แล้วว่า แสงเป็นได้ทั้งอนุภาคกับคลื่น หรือเป็นได้ทั้งสองอย่างพร้อมๆกัน ถ้าเราสมมติว่าแสงเป็นอนุภาคเล็กๆ ลำแสงเลเซอร์ก็คือลำของอนุภาคขนาดจิ๋ว ที่พุ่งไปข้างหน้าอย่างมีระเบียบหรือถ้าเราสมมติให้แสงเป็นคลื่น ลำแสงเลเซอร์ก็คือ ลูกคลื่นที่มีความคลื่นเท่ากันทุกลูกคลื่น
|
|
|
|
namwhan
|
 |
« ตอบ #93 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 08:49:49 pm » |
|
น.ส พรรณฐิณี โสภาวนัส เลขที่ 56 sec 02 รหัส 1153109030334 สาขา สถิติประยุกต์ วัน 9/02/54 เวลา 22.46 สถานที่ หอพักใน
แหล่งกำเนิดแสง - แหล่งกำเนิดเป็นแสงเลเซอร์ ลำคลื่นจะมีระเบียบสูงมาก ขนาดของลูกคลื่นเท่ากันหมด ส่วนแสงอื่นๆ มีสีหลายสีคละเคล้ากันไป และขนาดของลูกคลื่นไม่ค่อยจะเท่ากัน อะตอมกับแสง -เมื่อแสงหรือโฟตอน กระทบเข้ากับอะตอม จะทำให้อิเล็กตรอนที่โคจรอยู่รอบนิวเคลียส ยกระดับพลังงานสูงขึ้น และเปลี่ยนเป็นวง โคจรระดับสูง ซึ่งสภาวะนี้ เรียกว่า อะตอมถูกกระตุ้น เมื่อกระตุ้นจากภายนอกหยุดลง อิเล็กตรอนจะกลับเข้าลงสู่วงโคจรปกติ และปลดปล่อยพลังงานหรือแสงออกมา การเกิดการกลับของประชากร -อะตอมที่ถูกกระตุ้นจะให้โฟตอนออกมา และเมื่อให้ออกมาแล้วจะกลับเข้าสู่สถานะพลังงานต่ำ รอการพุ่งเข้าชนของโฟตอน ซึ่งจะถูก กระตุ้นใหม่ เป็นวัฏจักรตลอดเวลา โฟตอนที่ได้ออกมาไปทำให้เกิดปฎิกิริยาลูกโซ่ กระตุ้นให้อะตอมอื่นปลดปล่อยโฟตอนออกมาอย่างต่อเนื่อง การสร้างเลเซอร์ -ถ้าพลังงานภายนอกที่ปั๊มให้มากเพียงพอ จะได้จำนวนโฟตอนมากขึ้นเรื่อยๆ สะท้อนอยู่ระหว่างกระจก ถ้าเราคิดว่าแสงเป็นคลื่น ลูกคลื่นจะมีแอมพลิจูดสูงขึ้น ทุกๆการสะท้อนครั้งหนึ่ง และถ้าเราคิดว่าแสงเป็นอนุภาค จำนวนอนุภาคจะเพิ่มขึ้นทุกๆการสะท้อน เมื่อพลังงานมากขึ้นแสงจะสามารถทะลุผ่านกระจกได้
|
|
|
|
00sunisa00
|
 |
« ตอบ #94 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 09:08:42 pm » |
|
น.ส.สุนิศ่า ชมมิ sec.2 เลขที่ 46 115310903001-1 สาขาสถิติ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 21.02 น. ณ ร้านอินเตอร์เน็ต แสงเลเซอร์ เป็นแสงที่มีระเบียบสูง และเป็นแสงอาพันธ์ ลำแสงเลเซอร์ ก็คือลำของอนุภาคขนาดจิ๋ว ที่พุ่งไปข้างหน้าอย่างมีระเบียบ คลื่นมีความยาวคลื่นเท่ากันทุกลูกคลื่น เมื่อโฟตอนเข้าชนกับอะตอม จะทำให้อะตอมอยู่ในสถานะถูกกระตุ้น ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเมื่อมันถูกพุ่งชนอีกครั้ง อะตอมจะปลดปล่อยโฟตอนใหม่ออกมา มีลักษณะเหมือนกับโฟตอนที่พุ่งเข้าชน และมีสีเดียวกัน ถ้ามีพลังงานมากพอจะพุ่งออกมาในทิศทางเดียวกัน เราเรียกกระบวนการนี้ว่า การปล่อยโฟตอนแบบกระตุ้น
|
|
|
|
ronachai
|
 |
« ตอบ #95 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 10:09:28 pm » |
|
นาย รณชัย รุกขวัฒน์ วิศวกรรมโยธา 115330411002-2 sce 4 กะทู้เมื่อ 9 ก.พ. 2554 เวลา 22.09 น. ณ หอ เลิศวิจิตร แสงเลเซอร์ เป็นแสงที่มีระเบียบสูง และเป็นแสงอาพันธ์ ลำแสงเลเซอร์ ก็คือลำของอนุภาคขนาดจิ๋ว ที่พุ่งไปข้างหน้าอย่างมีระเบียบ คลื่นมีความยาวคลื่นเท่ากันทุกลูกคลื่น เมื่อโฟตอนเข้าชนกับอะตอม จะทำให้อะตอมอยู่ในสถานะถูกกระตุ้น ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเมื่อมันถูกพุ่งชนอีกครั้ง อะตอมจะปลดปล่อยโฟตอนใหม่ออกมา มีลักษณะเหมือนกับโฟตอนที่พุ่งเข้าชน และมีสีเดียวกัน ถ้ามีพลังงานมากพอจะพุ่งออกมาในทิศทางเดียวกัน เราเรียกกระบวนการนี้ว่า การปล่อยโฟตอนแบบกระตุ้น
|
|
|
|
Tarintip
|
 |
« ตอบ #96 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 10:24:21 pm » |
|
นางสาวธารินทิพย์ วรรณกลาง นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาสถิติประยุกต์ sec02 เลขที่ 66 ตอบกระทู้วันที่ 9/02/54 เวลา22.19 สถานที่ หอใน แหล่งกำเนิดแสง แหล่งกำเนิดเป็นแสงเลเซอร์ ลำคลื่นจะมีระเบียบสูงมาก ขนาดของลูกคลื่นเท่ากันหมด ส่วนแสงอื่นๆ มีสีหลายสี คละเคล้ากันไป และขนาดของลูกคลื่นไม่ค่อยจะเท่ากัน อะตอมกับแสง เมื่อแสงหรือโฟตอน กระทบเข้ากับอะตอม จะทำให้อิเล็กตรอนที่โคจรอยู่รอบนิวเคลียส ยกระดับพลังงานสูงขึ้น และเปลี่ยนเป็นวง โคจรระดับสูง ซึ่งสภาวะนี้ เรียกว่า อะตอมถูกกระตุ้น เมื่อกระตุ้นจากภายนอกหยุดลง อิเล็กตรอนจะกลับเข้าลงสู่วงโคจรปกติ และปลดปล่อยพลังงานหรือแสงออกมา การเกิดการกลับของประชากร อะตอมที่ถูกกระตุ้นจะให้โฟตอนออกมา และเมื่อให้ออกมาแล้วจะกลับเข้าสู่สถานะพลังงานต่ำ รอการพุ่งเข้าชนของโฟตอน ซึ่งจะถูก กระตุ้นใหม่ เป็นวัฏจักรตลอดเวลา โฟตอนที่ได้ออกมาไปทำให้เกิดปฎิกิริยาลูกโซ่ กระตุ้นให้อะตอมอื่นปลดปล่อยโฟตอนออกมาอย่างต่อเนื่อง การสร้างเลเซอร์ ถ้าพลังงานภายนอกที่ปั๊มให้มากเพียงพอ จะได้จำนวนโฟตอนมากขึ้นเรื่อยๆ สะท้อนอยู่ระหว่างกระจก ถ้าเราคิดว่าแสงเป็นคลื่น ลูกคลื่นจะมีแอมพลิจูดสูงขึ้น ทุกๆการสะท้อนครั้งหนึ่ง และถ้าเราคิดว่าแสงเป็นอนุภาค จำนวนอนุภาคจะเพิ่มขึ้นทุกๆการสะท้อน เมื่อพลังงานมากขึ้นแสงจะสามารถทะลุผ่านกระจกได้
|
|
|
|
Pathomphong
|
 |
« ตอบ #97 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 10:31:56 pm » |
|
นายปฐมพงศ์ พูนปก 115330411043-6 เลขที่ 36 sec 04 วิศวกรรมโยธา เรียนกับอาจารย์จรัส บุญยธรรมา วันที่ 09/02/54 เวลา 22.29 น.ที่หอลากูน สรุปได้ว่า แสงเลเซอร์เป็นแสงที่มีระเบียบสูง และเป็นแสงอาพันธ์ นักวิทยาศาสตร์ทราบกันดีอยู่แล้วว่า แสงเป็นได้ทั้งอนุภาคกับคลื่น หรือเป็นได้ทั้งสองอย่างพร้อมๆกัน ถ้าเราสมมติว่าแสงเป็นอนุภาคเล็กๆลำแสงเลเซอร์ ก็คือลำของอนุภาคขนาดจิ๋ว ที่พุ่งไปข้างหน้าอย่างมีระเบียบ หรือถ้าเราสมมติให้แสงเป็นคลื่นลำแสงเลเซอร์ก็คือ ลูกคลื่นที่มีความคลื่นเท่ากันทุกลูกคลื่น เมื่อโฟตอนเข้าชนกับอะตอม จะทำให้อะตอมอยู่ในสถานะถูกกระตุ้น ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเมื่อมันถูกพุ่งชนอีกครั้ง อะตอมจะปลดปล่อยโฟตอนใหม่ออกมา มีลักษณะเหมือนกับโฟตอนที่พุ่งเข้าชน และมีสีเดียวกัน ถ้ามีพลังงานมากพอจะพุ่งออกมาในทิศทางเดียวกันเราเรียกกระบวนการนี้ว่า "การปล่อยโฟตอนแบบกระตุ้น" (Stimulated emission)
|
|
|
|
Eakachai_ie
|
 |
« ตอบ #98 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 10:44:23 pm » |
|
นายเอกชัย สงวนศักดิ์ ศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ sec.2 รหัสประจำตัว 115040441086-4 เรียนกับ ผศ.จรัส บุณยธรรมา วันที่ 9/2/11 ที่หอมาลีแมนชั่น เวลา 22.50 น. อนุภาค เราได้ทำไปแล้วตั้งแต่เบื้องต้น แต่ถ้าแสงเป็นคลื่น การอธิบายต้องเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง โดยที่คลื่นแสงเมื่อพุ่งเข้าชนกับอะตอมที่ถูกกระตุ้น อะตอมจะปลดปล่อยพลังงานออกมาเสริมเข้ากับคลื่นที่พุ่งเข้าไป ทำให้คลื่นที่ได้ออกมามีแอมพลิจูดสูงขึ้น หรือทำให้พลังงานของคลื่นเพิ่มขึ้นนั่นเอง อะตอมที่ถูกกระตุ้นจะให้โฟตอนออกมา และเมื่อให้ออกมาแล้วจะกลับเข้าสู่สถานะพลังงานต่ำ รอการพุ่งเข้าชนของโฟตอน ซึ่งจะถูกกระตุ้นใหม่ เป็นวัฏจักรตลอดเวลา โฟตอนที่ได้ออกมาไปทำให้เกิดปฎิกิริยาลูกโซ่ กระตุ้นให้อะตอมอื่นปลดปล่อยโฟตอนออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่สังเกตเห็นว่า โฟตอนที่ได้ออกมาข้างบนไม่มีระเบียบเลย การพุ่งออกมาอย่างไม่มีทิศทางนี้ ทำให้เราได้แสงเลเซอร์ที่มีพลังงานไม่มากพอ นำไปใช้ประโยชน์ไม่ได้ ถ้าเราจะนำแสงเลเซอร์ไปใช้ประโยชน์ ลำแสงจะต้องพุ่งไปในทิศทางเดียว เราจะใช้เทคนิคพิเศษหนึ่ง โดยการเพิ่มกระจกระหว่างอะตอม เมื่อเราปั๊มพลังงานให้กับอะตอม จะเกิดการกระตุ้นของอะตอมจำนวนมาก และได้โฟตอนออกมาจำนวนหนึ่ง โฟตอนจะสะท้อนอยู่ระหว่างกระจก มีพลังงานเพิ่มขึ้นเรื่อย รอจนมีพลังงานมากพอจึงพุ่งผ่านกระจกเป็นแสงเลเซอร์ออกมาใช้งาน เราเคยกล่าวมาแล้วว่า แสงเป็นไปได้ทั้งอนุภาค (particle) และคลื่น (wave) ดังนั้นการอธิบายจึงทำได้ทั้งสองแบบ
|
|
|
|
watcharich
|
 |
« ตอบ #99 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 11:30:47 pm » |
|
ผมนายวัชริส สุจิตกาวงศ์ รหัส 115040411037-3 sec02 เลขที่ 4 เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 9 ก.พ. 2554 เวลา 23.23 น.
สรุปว่า
เมื่อแสงหรือโฟตอน กระทบเข้ากับอะตอม จะทำให้อิเล็กตรอนที่โคจรอยู่รอบนิวเคลียส ยกระดับพลังงานสูงขึ้น และเปลี่ยนวงโคจรเป็นวงโคจรระดับสูง ซึ่งสภาวะนี้ เรียกว่า อะตอมถูกกระตุ้น (stimulated atom) เมื่อการกระตุ้นจากภายนอกหยุดลง อิเล็กตรอนจะกลับเข้าลงสู่วงโคจรปกติ และปลดปล่อยพลังงานหรือแสงออกมาเมื่อยิงโฟตอนกระทบเข้ากับอะตอม จะทำให้อะตอมเรืองแสงขึ้นมา และดูเหมือนว่า เมื่อถูกกระทบอีกครั้ง อะตอมจะปล่อยโฟตอนออกมาเองด้วย เมื่ออัตราการยิงยังไม่มากพอ อนุภาคที่พุ่งออกมีทิศทางไม่แน่นอน แต่เมื่ออัตราการยิงมากขึ้นอนุภาคที่พุ่งออก จะมีทิศทางเดียวกันกลับอนุภาคที่พุ่งเข้ามา
|
|
|
|
ratthasart
|
 |
« ตอบ #100 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 11:41:04 pm » |
|
ผมนายรัฐศาสตร์ ไชยโส นักศึกษาภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ-การจัดการ sec.4 รหัส 115330441218-8 เลขที่ 61 เรียนกับ ผศ.จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 23.41น. ที่ ห้องพัก มีความคิดเห็นว่า แสงเลเซอร์เป็นแสงที่มีระเบียบสูง และเป็นแสงอาพันธ์ นักวิทยาศาสตร์ทราบกันดีอยู่แล้วว่า แสงเป็นได้ทั้งอนุภาคกับคลื่น หรือเป็นได้ทั้งสองอย่างพร้อมๆกัน ถ้าเราสมมติว่าแสงเป็นอนุภาคเล็กๆลำแสงเลเซอร์ ก็คือลำของอนุภาคขนาดจิ๋ว ที่พุ่งไปข้างหน้าอย่างมีระเบียบ หรือถ้าเราสมมติให้แสงเป็นคลื่นลำแสงเลเซอร์ก็คือ ลูกคลื่นที่มีความคลื่นเท่ากันทุกลูกคลื่น เมื่อโฟตอนเข้าชนกับอะตอม จะทำให้อะตอมอยู่ในสถานะถูกกระตุ้น ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเมื่อมันถูกพุ่งชนอีกครั้ง อะตอมจะปลดปล่อยโฟตอนใหม่ออกมา มีลักษณะเหมือนกับโฟตอนที่พุ่งเข้าชน และมีสีเดียวกัน ถ้ามีพลังงานมากพอจะพุ่งออกมาในทิศทางเดียวกันเราเรียก กระบวนการนี้ว่า "การปล่อยโฟตอนแบบกระตุ้น" (Stimulated emission
|
|
|
|
KanitaSS
|
 |
« ตอบ #101 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 11:59:55 pm » |
|
นางสาวคณิตา สุดจิตร์ นศ.คณะวิทยาศาสตร์สาขาสถิติประยุกต์ Sec2 รหัส115310903030-0เลขที่53 วันที่09/02/54 เวลา23.59น.สถานที่บาน็อฟฟี่ เพลส สรุปได้ว่า เมื่อแสงหรือโฟตอน กระทบเข้ากับอะตอม จะทำให้อิเล็กตรอนที่โคจรอยู่รอบนิวเคลียส ยกระดับพลังงานสูงขึ้น และเปลี่ยนวงโคจรเป็นวงโคจรระดับสูง ซึ่งสภาวะนี้ เรียกว่า อะตอมถูกกระตุ้น (stimulated atom) เมื่อการกระตุ้นจากภายนอกหยุดลง อิเล็กตรอนจะกลับเข้าลงสู่วงโคจรปกติ และปลดปล่อยพลังงานหรือแสงออกมาเมื่อยิงโฟตอนกระทบเข้ากับอะตอม จะทำให้อะตอมเรืองแสงขึ้นมา และดูเหมือนว่า เมื่อถูกกระทบอีกครั้ง อะตอมจะปล่อยโฟตอนออกมาเองด้วย เมื่ออัตราการยิงยังไม่มากพอ อนุภาคที่พุ่งออกมีทิศทางไม่แน่นอน แต่เมื่ออัตราการยิงมากขึ้นอนุภาคที่พุ่งออก จะมีทิศทางเดียวกันกลับอนุภาคที่พุ่งเข้ามา
|
|
|
|
kranjana
|
 |
« ตอบ #102 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 12:30:01 am » |
|
นางสาวกาญจนา แสงวงศ์ รหัส 115210904068-1 sec.02 เลขที่ 45 เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 9/02/54 เวลา 0.29 น. ที่หอใน แสงเลเซอร์ เป็นแสงที่มีระเบียบสูง และเป็นแสงอาพันธ์ นักวิทยาศาสตร์ทราบกันดีอยู่แล้วว่า แสงเป็นได้ทั้งอนุภาคกับคลื่น หรือเป็นได้ทั้งสองอย่างพร้อมๆกัน ถ้าเราสมมติว่าแสงเป็นอนุภาคเล็กๆ ลำแสงเลเซอร์ ก็คือลำของอนุภาคขนาดจิ๋ว ที่พุ่งไปข้างหน้าอย่างมีระเบียบ หรือถ้าเราสมมติให้แสงเป็นคลื่น ลำแสงเลเซอร์ก็คือ ลูกคลื่นที่มีความคลื่นเท่ากันทุกลูกคลื่น เมื่อแสงหรือโฟตอน กระทบเข้ากับอะตอม จะทำให้อิเล็กตรอนที่โคจรอยู่รอบนิวเคลียส ยกระดับพลังงานสูงขึ้น และเปลี่ยนวงโคจรเป็นวงโคจรระดับสูง ซึ่งสภาวะนี้ เรียกว่า อะตอมถูกกระตุ้น (stimulated atom) เมื่อการกระตุ้นจากภายนอกหยุดลง อิเล็กตรอนจะกลับเข้าลงสู่วงโคจรปกติ และปลดปล่อยพลังงานหรือแสงออกมา ในทางฟิสิกส์ เราเชื่อได้ว่า แสงเป็นไปได้ทั้งอนุภาค และคลื่น การอธิบายแบบอนุภาค เราได้ทำไปแล้วตั้งแต่เบื้องต้น แต่ถ้าแสงเป็นคลื่น การอธิบายต้องเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง โดยที่คลื่นแสงเมื่อพุ่งเข้าชนกับอะตอมที่ถูกกระตุ้น อะตอมจะปลดปล่อยพลังงานออกมาเสริมเข้ากับคลื่นที่พุ่งเข้าไป ทำให้คลื่นที่ได้ออกมามีแอมพลิจูดสูงขึ้น หรือทำให้พลังงานของคลื่นเพิ่มขึ้นนั่นเอง อะตอมที่ถูกกระตุ้นจะให้โฟตอนออกมา และเมื่อให้ออกมาแล้วจะกลับเข้าสู่สถานะพลังงานต่ำ รอการพุ่งเข้าชนของโฟตอน ซึ่งจะถูกกระตุ้นใหม่ เป็นวัฏจักรตลอดเวลา โฟตอนที่ได้ออกมาไปทำให้เกิดปฎิกิริยาลูกโซ่ กระตุ้นให้อะตอมอื่นปลดปล่อยโฟตอนออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่สังเกตเห็นว่า โฟตอนที่ได้ออกมาข้างบนไม่มีระเบียบเลย การพุ่งออกมาอย่างไม่มีทิศทางนี้ ทำให้เราได้แสงเลเซอร์ที่มีพลังงานไม่มากพอ นำไปใช้ประโยชน์ไม่ได้ ถ้าเราจะนำแสงเลเซอร์ไปใช้ประโยชน์ ลำแสงจะต้องพุ่งไปในทิศทางเดียว เราจะใช้เทคนิคพิเศษหนึ่ง โดยการเพิ่มกระจกระหว่างอะตอม เมื่อเราปั๊มพลังงานให้กับอะตอม จะเกิดการกระตุ้นของอะตอมจำนวนมาก และได้โฟตอนออกมาจำนวนหนึ่ง โฟตอนจะสะท้อนอยู่ระหว่างกระจก มีพลังงานเพิ่มขึ้นเรื่อย รอจนมีพลังงานมากพอจึงพุ่งผ่านกระจกเป็นแสงเลเซอร์ออกมาใช้งาน เราเคยกล่าวมาแล้วว่า แสงเป็นไปได้ทั้งอนุภาค (particle) และคลื่น (wave) ดังนั้นการอธิบายจึงทำได้ทั้งสองแบบ
|
|
|
|
Kitiwat
|
 |
« ตอบ #103 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 02:30:43 am » |
|
นายกิติวัฒน์ ศรประสิทธิ์ เลขที่ 24 รหัส 115330411030-3 วิศวกรรมโยธา sec 4 แสงเลเซอร์ เป็นแสงที่มีระเบียบสูง และเป็นแสงอาพันธ์ นักวิทยาศาสตร์ทราบกันดีอยู่แล้วว่า แสงเป็นได้ทั้งอนุภาคกับคลื่น หรือเป็นได้ทั้งสองอย่างพร้อมๆกัน ถ้าเราสมมติว่าแสงเป็นอนุภาคเล็กๆ ลำแสงเลเซอร์ ก็คือลำของอนุภาคขนาดจิ๋ว ที่พุ่งไปข้างหน้าอย่างมีระเบียบ หรือถ้าเราสมมติให้แสงเป็นคลื่น ลำแสงเลเซอร์ก็คือ ลูกคลื่นที่มีความคลื่นเท่ากันทุกลูกคลื่น เมื่อโฟตอนเข้าชนกับอะตอม จะทำให้อะตอมอยู่ในสถานะถูกกระตุ้น ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเมื่อมันถูกพุ่งชนอีกครั้ง อะตอมจะปลดปล่อยโฟตอนใหม่ออกมา มีลักษณะเหมือนกับโฟตอนที่พุ่งเข้าชน และมีสีเดียวกัน ถ้ามีพลังงานมากพอจะพุ่งออกมาในทิศทางเดียวกัน เราเรียกกระบวนการนี้ว่า การปล่อยโฟตอนแบบกระตุ้น (Stimulated emission
|
|
|
|
boatvivi
|
 |
« ตอบ #104 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 02:09:56 pm » |
|
นางสาวณัฎฐพร ชื่นสมบัติ นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ sec 02 เลขที่ 1 เวลา 14.10 น. วันที่ 10 ก.พ. 2554
ได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้แล้วค่ะ
|
|
|
|
sarayut sringam
|
 |
« ตอบ #105 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 03:08:03 pm » |
|
กระผมนายศรายุธ สีงาม นศ.วิศวกรรมอุตสาหการ-การจัดการ sec 4 รหัส 115330441201-4 เรียนกับ ผศ.จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2554 ที่ ตึกวิทยบริการ เวลา 15.07 น มีความคิดเห็นว่า แสงเลเซอร์ เป็นแสงที่มีระเบียบสูง และเป็นแสงอาพันธ์ นักวิทยาศาสตร์ทราบกันดีอยู่แล้วว่า แสงเป็นได้ทั้งอนุภาคกับคลื่น หรือเป็นได้ทั้งสองอย่างพร้อมๆกัน ถ้าเราสมมติว่าแสงเป็นอนุภาคเล็กๆ ลำแสงเลเซอร์ ก็คือลำของอนุภาคขนาดจิ๋ว ที่พุ่งไปข้างหน้าอย่างมีระเบียบ หรือถ้าเราสมมติให้แสงเป็นคลื่น ลำแสงเลเซอร์ก็คือ ลูกคลื่นที่มีความคลื่นเท่ากันทุกลูกคลื่น แสงเป็นไปได้ทั้งอนุภาค และคลื่น การอธิบายแบบอนุภาค เราได้ทำไปแล้วตั้งแต่เบื้องต้น แต่ถ้าแสงเป็นคลื่น การอธิบายต้องเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง โดยที่คลื่นแสงเมื่อพุ่งเข้าชนกับอะตอมที่ถูกกระตุ้น อะตอมจะปลดปล่อยพลังงานออกมาเสริมเข้ากับคลื่นที่พุ่งเข้าไป ทำให้คลื่นที่ได้ออกมามีแอมพลิจูดสูงขึ้น หรือทำให้พลังงานของคลื่นเพิ่มขึ้นนั่นเอง อะตอมที่ถูกกระตุ้นจะให้โฟตอนออกมา และเมื่อให้ออกมาแล้วจะกลับเข้าสู่สถานะพลังงานต่ำ รอการพุ่งเข้าชนของโฟตอน ซึ่งจะถูกกระตุ้นใหม่ เป็นวัฏจักรตลอดเวลา โฟตอนที่ได้ออกมาไปทำให้เกิดปฎิกิริยาลูกโซ่ กระตุ้นให้อะตอมอื่นปลดปล่อยโฟตอนออกมาอย่างต่อเนื่อง การพุ่งออกมาอย่างไม่มีทิศทางนี้ ทำให้เราได้แสงเลเซอร์ที่มีพลังงานไม่มากพอ นำไปใช้ประโยชน์ไม่ได้ ถ้าเราจะนำแสงเลเซอร์ไปใช้ประโยชน์ ลำแสงจะต้องพุ่งไปในทิศทางเดียว
|
|
|
|
leonado_davinci
|
 |
« ตอบ #106 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 04:15:25 pm » |
|
Jakrapong Mensin นายจักรพงศ์ เม่นสิน คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาโยธา รหัส 115330411015-4 sec 4 เลขที่ 12 เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 10/2/54 เวลา 4.14 pm ที่ห้องสมุด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี แสงเลเซอร์ เป็นแสงที่มีระเบียบสูง และเป็นแสงอาพันธ์ นักวิทยาศาสตร์ทราบกันดีอยู่แล้วว่า แสงเป็นได้ทั้งอนุภาคกับคลื่น หรือเป็นได้ทั้งสองอย่างพร้อมๆกัน ถ้าเราสมมติว่าแสงเป็นอนุภาคเล็กๆ ลำแสงเลเซอร์ ก็คือลำของอนุภาคขนาดจิ๋ว ที่พุ่งไปข้างหน้าอย่างมีระเบียบ หรือถ้าเราสมมติให้แสงเป็นคลื่น ลำแสงเลเซอร์ก็คือ ลูกคลื่นที่มีความคลื่นเท่ากันทุกลูกคลื่น เมื่อโฟตอนเข้าชนกับอะตอม จะทำให้อะตอมอยู่ในสถานะถูกกระตุ้น ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเมื่อมันถูกพุ่งชนอีกครั้ง อะตอมจะปลดปล่อยโฟตอนใหม่ออกมา มีลักษณะเหมือนกับโฟตอนที่พุ่งเข้าชน และมีสีเดียวกัน ถ้ามีพลังงานมากพอจะพุ่งออกมาในทิศทางเดียวกัน เราเรียกกระบวนการนี้ว่า การปล่อยโฟตอนแบบกระตุ้น (Stimulated emission)
|
|
|
|
ศราวุธ พูลทรัพย์
|
 |
« ตอบ #107 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 04:19:00 pm » |
|
กระผมนายศราวุธ พูลทรัพย์ นักศึกษาภาควิชาวิศวกรรมโยธา รหัส 115330411042-8 เลขที่ 35 sec 04 เรียนกับอาจารย์จรัส บุณยธรรมา ตอบกระทู้นี้ที่หอลากูล วันที่ 10/2/2554 เวลา 16.18น แสงเลเซอร์ เป็นแสงที่มีระเบียบสูง และเป็นแสงอาพันธ์ นักวิทยาศาสตร์ทราบกันดีอยู่แล้วว่า แสงเป็นได้ทั้งอนุภาคกับคลื่น หรือเป็นได้ทั้งสองอย่างพร้อมๆกัน ถ้าเราสมมติว่าแสงเป็นอนุภาคเล็กๆ ลำแสงเลเซอร์ ก็คือลำของอนุภาคขนาดจิ๋ว ที่พุ่งไปข้างหน้าอย่างมีระเบียบ หรือถ้าเราสมมติให้แสงเป็นคลื่น ลำแสงเลเซอร์ก็คือ ลูกคลื่นที่มีความคลื่นเท่ากันทุกลูกคลื่น เมื่อโฟตอนเข้าชนกับอะตอม จะทำให้อะตอมอยู่ในสถานะถูกกระตุ้น ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเมื่อมันถูกพุ่งชนอีกครั้ง อะตอมจะปลดปล่อยโฟตอนใหม่ออกมา มีลักษณะเหมือนกับโฟตอนที่พุ่งเข้าชน และมีสีเดียวกัน ถ้ามีพลังงานมากพอจะพุ่งออกมาในทิศทางเดียวกัน เราเรียกกระบวนการนี้ว่า การปล่อยโฟตอนแบบกระตุ้น (Stimulated emission) โฟตอนที่เหมือนกัน จะถูกทำให้เพิ่มขึ้นตลอดเวลา หรือพูดอีกนัยหนึ่ง คือถูกขยายขึ้นนั่นเอง คำว่าขยาย หรือ โตขึ้น ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า แอมพลิฟาย (Amplified) คำว่า เลเซอร์ (laser) ย่อมาจากคำว่า light amplification by stimulated emission of radiation ไม่ทราบว่าจะแปลเป็นไทยให้สละสลวยได้อย่างไร มันยาวเหลือเกิน การทำให้อะตอมอยู่ในสถานะที่ถูกกระตุ้น และทำให้เกิดแสงเลเซอร์ขึ้น ใช้เวลาสั้นมากๆ แต่ในการทดลองที่เราสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการอธิบาย เป็นภาพช้า(slow motion) ที่แสดงการเกิดทุกขั้นทุกตอน จึงไม่ใช่เวลาจริง เพราะของจริงเร็วกว่านี้นับเป็นล้านๆเท่าค่ะ
|
|
|
|
iinuyashaa
|
 |
« ตอบ #108 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 04:27:18 pm » |
|
นางสาววิภวานี แสงทอง นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาวิชาเคมี sec 02 รหัส 115210902118-6 เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 10/2/2554 ที่ห้องสมุด เวลา 16:27 น.
สรุปได้ว่า
เมื่อแสงหรือโฟตอน กระทบเข้ากับอะตอม จะทำให้อิเล็กตรอนที่โคจรอยู่รอบนิวเคลียส ยกระดับพลังงานสูงขึ้น และเปลี่ยนวงโคจรเป็นวงโคจรระดับสูง ซึ่งสภาวะนี้ เรียกว่า อะตอมถูกกระตุ้น (stimulated atom) เมื่อการกระตุ้นจากภายนอกหยุดลง อิเล็กตรอนจะกลับเข้าลงสู่วงโคจรปกติ และปลดปล่อยพลังงานหรือแสงออกมาเมื่อยิงโฟตอนกระทบเข้ากับอะตอม จะทำให้อะตอมเรืองแสงขึ้นมา และดูเหมือนว่า เมื่อถูกกระทบอีกครั้ง อะตอมจะปล่อยโฟตอนออกมาเองด้วย เมื่ออัตราการยิงยังไม่มากพอ อนุภาคที่พุ่งออกมีทิศทางไม่แน่นอน แต่เมื่ออัตราการยิงมากขึ้น อนุภาคที่พุ่งออก จะมีทิศทางเดียวกันกลับอนุภาคที่พุ่งเข้ามา และเมื่อมันถูกพุ่งชนอีกครั้ง อะตอมจะปลดปล่อยโฟตอนใหม่ออกมา มีลักษณะเหมือนกับโฟตอนที่พุ่งเข้าชน และมีสีเดียวกัน ถ้ามีพลังงานมากพอจะพุ่งออกมาในทิศทางเดียวกัน เราเรียกกระบวนการนี้ว่า การปล่อยโฟตอนแบบกระตุ้น (Stimulated emission)
|
|
|
|
natthapon
|
 |
« ตอบ #109 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 04:47:03 pm » |
|
กระผมนายนัฐพล การคณะวงศ์ นศ.วิศวกรรมอุตสาหการ sec 4 รหัส 115330441206-3 เรียนกับ ผศ.จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2554 ที่ หอดู๊ดดรีม เวลา 16.51 น. แสงเลเซอร์ เป็นแสงที่มีระเบียบสูง และเป็นแสงอาพันธ์ นักวิทยาศาสตร์ทราบกันดีอยู่แล้วว่า แสงเป็นได้ทั้งอนุภาคกับคลื่น หรือเป็นได้ทั้งสองอย่างพร้อมๆกัน ถ้าเราสมมติว่าแสงเป็นอนุภาคเล็กๆ ลำแสงเลเซอร์ ก็คือลำของอนุภาคขนาดจิ๋ว ที่พุ่งไปข้างหน้าอย่างมีระเบียบ หรือถ้าเราสมมติให้แสงเป็นคลื่น ลำแสงเลเซอร์ก็คือ ลูกคลื่นที่มีความคลื่นเท่ากันทุกลูกคลื่น เมื่อโฟตอนเข้าชนกับอะตอม จะทำให้อะตอมอยู่ในสถานะถูกกระตุ้น ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเมื่อมันถูกพุ่งชนอีกครั้ง อะตอมจะปลดปล่อยโฟตอนใหม่ออกมา มีลักษณะเหมือนกับโฟตอนที่พุ่งเข้าชน และมีสีเดียวกัน ถ้ามีพลังงานมากพอจะพุ่งออกมาในทิศทางเดียวกัน เราเรียกกระบวนการนี้ว่า การปล่อยโฟตอนแบบกระตุ้น (Stimulated emission)
|
|
|
|
oOGIG...k}
|
 |
« ตอบ #110 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 05:12:55 pm » |
|
ผมนายชำนาญกิจ ศิริยานนท์ รหัส 115330411004-8 เลขที่ 4 sec.4 วิศวกรรมโยธา เวลา 05:12:29 pm วันที่ 10/2/54
อนุภาค เราได้ทำไปแล้วตั้งแต่เบื้องต้น แต่ถ้าแสงเป็นคลื่น การอธิบายต้องเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง โดยที่คลื่นแสงเมื่อพุ่งเข้าชนกับอะตอมที่ถูกกระตุ้น อะตอมจะปลดปล่อยพลังงานออกมาเสริมเข้ากับคลื่นที่พุ่งเข้าไป ทำให้คลื่นที่ได้ออกมามีแอมพลิจูดสูงขึ้น หรือทำให้พลังงานของคลื่นเพิ่มขึ้นนั่นเอง อะตอมที่ถูกกระตุ้นจะให้โฟตอนออกมา และเมื่อให้ออกมาแล้วจะกลับเข้าสู่สถานะพลังงานต่ำ รอการพุ่งเข้าชนของโฟตอน ซึ่งจะถูกกระตุ้นใหม่ เป็นวัฏจักรตลอดเวลา โฟตอนที่ได้ออกมาไปทำให้เกิดปฎิกิริยาลูกโซ่ กระตุ้นให้อะตอมอื่นปลดปล่อยโฟตอนออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่สังเกตเห็นว่า โฟตอนที่ได้ออกมาข้างบนไม่มีระเบียบเลย การพุ่งออกมาอย่างไม่มีทิศทางนี้ ทำให้เราได้แสงเลเซอร์ที่มีพลังงานไม่มากพอ นำไปใช้ประโยชน์ไม่ได้ ถ้าเราจะนำแสงเลเซอร์ไปใช้ประโยชน์ ลำแสงจะต้องพุ่งไปในทิศทางเดียว เราจะใช้เทคนิคพิเศษหนึ่ง โดยการเพิ่มกระจกระหว่างอะตอม เมื่อเราปั๊มพลังงานให้กับอะตอม จะเกิดการกระตุ้นของอะตอมจำนวนมาก และได้โฟตอนออกมาจำนวนหนึ่ง โฟตอนจะสะท้อนอยู่ระหว่างกระจก มีพลังงานเพิ่มขึ้นเรื่อย รอจนมีพลังงานมากพอจึงพุ่งผ่านกระจกเป็นแสงเลเซอร์ออกมาใช้งาน เราเคยกล่าวมาแล้วว่า แสงเป็นไปได้ทั้งอนุภาค (particle) และคลื่น (wave) ดังนั้นการอธิบายจึงทำได้ทั้งสองแบบ
|
|
|
|
toonpccphet
|
 |
« ตอบ #111 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 05:16:59 pm » |
|
นายสุรเชษฐ ทองโฉม นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาวิชาสถิติประยุกต์ sec 02 เลขที่ 65 รหัส 115310903044-1 เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 10/02/2554 เวลา 17:16 สถานที่ ห้องเรียน แหล่งกำเนิดแสง - แหล่งกำเนิดเป็นแสงเลเซอร์ ลำคลื่นจะมีระเบียบสูงมาก ขนาดของลูกคลื่นเท่ากันหมด ส่วนแสงอื่นๆ มีสีหลายสีคละเคล้ากันไป และขนาดของลูกคลื่นไม่ค่อยจะเท่ากัน อะตอมกับแสง -เมื่อแสงหรือโฟตอน กระทบเข้ากับอะตอม จะทำให้อิเล็กตรอนที่โคจรอยู่รอบนิวเคลียส ยกระดับพลังงานสูงขึ้น และเปลี่ยนเป็นวงโคจรระดับสูง ซึ่งสภาวะนี้ เรียกว่า อะตอมถูกกระตุ้น เมื่อกระตุ้นจากภายนอกหยุดลง อิเล็กตรอนจะกลับเข้าลงสู่วงโคจรปกติ และปลดปล่อยพลังงานหรือแสงออกมา การเกิดการกลับของประชากร -อะตอมที่ถูกกระตุ้นจะให้โฟตอนออกมา และเมื่อให้ออกมาแล้วจะกลับเข้าสู่สถานะพลังงานต่ำ รอการพุ่งเข้าชนของโฟตอน ซึ่งจะถูกกระตุ้นใหม่ เป็นวัฏจักรตลอดเวลา โฟตอนที่ได้ออกมาไปทำให้เกิดปฎิกิริยาลูกโซ่ กระตุ้นให้อะตอมอื่นปลดปล่อยโฟตอนออกมาอย่างต่อเนื่อง การสร้างเลเซอร์ -ถ้าพลังงานภายนอกที่ปั๊มให้มากเพียงพอ จะได้จำนวนโฟตอนมากขึ้นเรื่อยๆ สะท้อนอยู่ระหว่างกระจก ถ้าเราคิดว่าแสงเป็นคลื่น ลูกคลื่นจะมีแอมพลิจูดสูงขึ้น ทุกๆการสะท้อนครั้งหนึ่ง และถ้าเราคิดว่าแสงเป็นอนุภาค จำนวนอนุภาคจะเพิ่มขึ้นทุกๆการสะท้อน เมื่อพลังงานมากขึ้นแสงจะสามารถทะลุผ่านกระจกได้
|
|
|
|
Meena
|
 |
« ตอบ #112 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 05:51:41 pm » |
|
นายพสิษฐ์ แดงอาสา รหัส 115330411011-3 sec.4 วิศวกรรมโยธา วันที 10/2/54 เวลา 17.51 น. ณ บ้านเลขที่ 231/135
แสงเลเซอร์ เป็นแสงที่มีระเบียบสูง และเป็นแสงอาพันธ์ นักวิทยาศาสตร์ทราบกันดีอยู่แล้วว่า แสงเป็นได้ทั้งอนุภาคกับคลื่น หรือเป็นได้ทั้งสองอย่างพร้อมๆกัน ถ้าเราสมมติว่าแสงเป็นอนุภาคเล็กๆ ลำแสงเลเซอร์ ก็คือลำของอนุภาคขนาดจิ๋ว ที่พุ่งไปข้างหน้าอย่างมีระเบียบ หรือถ้าเราสมมติให้แสงเป็นคลื่น ลำแสงเลเซอร์ก็คือ ลูกคลื่นที่มีความคลื่นเท่ากันทุกลูกคลื่น เมื่อแสงหรือโฟตอน กระทบเข้ากับอะตอม จะทำให้อิเล็กตรอนที่โคจรอยู่รอบนิวเคลียส ยกระดับพลังงานสูงขึ้น และเปลี่ยนวงโคจรเป็นวงโคจรระดับสูง ซึ่งสภาวะนี้ เรียกว่า อะตอมถูกกระตุ้น (stimulated atom) เมื่อการกระตุ้นจากภายนอกหยุดลง อิเล็กตรอนจะกลับเข้าลงสู่วงโคจรปกติ และปลดปล่อยพลังงานหรือแสงออกมา ในทางฟิสิกส์ เราเชื่อได้ว่า แสงเป็นไปได้ทั้งอนุภาค และคลื่น การอธิบายแบบอนุภาค เราได้ทำไปแล้วตั้งแต่เบื้องต้น แต่ถ้าแสงเป็นคลื่น การอธิบายต้องเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง โดยที่คลื่นแสงเมื่อพุ่งเข้าชนกับอะตอมที่ถูกกระตุ้น อะตอมจะปลดปล่อยพลังงานออกมาเสริมเข้ากับคลื่นที่พุ่งเข้าไป ทำให้คลื่นที่ได้ออกมามีแอมพลิจูดสูงขึ้น หรือทำให้พลังงานของคลื่นเพิ่มขึ้นนั่นเอง อะตอมที่ถูกกระตุ้นจะให้โฟตอนออกมา และเมื่อให้ออกมาแล้วจะกลับเข้าสู่สถานะพลังงานต่ำ รอการพุ่งเข้าชนของโฟตอน ซึ่งจะถูกกระตุ้นใหม่ เป็นวัฏจักรตลอดเวลา โฟตอนที่ได้ออกมาไปทำให้เกิดปฎิกิริยาลูกโซ่ กระตุ้นให้อะตอมอื่นปลดปล่อยโฟตอนออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่สังเกตเห็นว่า โฟตอนที่ได้ออกมาข้างบนไม่มีระเบียบเลย การพุ่งออกมาอย่างไม่มีทิศทางนี้ ทำให้เราได้แสงเลเซอร์ที่มีพลังงานไม่มากพอ นำไปใช้ประโยชน์ไม่ได้ ถ้าเราจะนำแสงเลเซอร์ไปใช้ประโยชน์ ลำแสงจะต้องพุ่งไปในทิศทางเดียว เราจะใช้เทคนิคพิเศษหนึ่ง โดยการเพิ่มกระจกระหว่างอะตอม เมื่อเราปั๊มพลังงานให้กับอะตอม จะเกิดการกระตุ้นของอะตอมจำนวนมาก และได้โฟตอนออกมาจำนวนหนึ่ง โฟตอนจะสะท้อนอยู่ระหว่างกระจก มีพลังงานเพิ่มขึ้นเรื่อย รอจนมีพลังงานมากพอจึงพุ่งผ่านกระจกเป็นแสงเลเซอร์ออกมาใช้งาน เราเคยกล่าวมาแล้วว่า แสงเป็นไปได้ทั้งอนุภาค (particle) และคลื่น (wave) ดังนั้นการอธิบายจึงทำได้ทั้งสองแบบ
|
|
|
|
potchapon031
|
 |
« ตอบ #113 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 06:17:21 pm » |
|
นาย ภชพน เกตุวงศ์ เลขที่ 25 รหัส 115330411031-1 sec.04 วันที่ 10/02/2554 วิศวกรรมโยธา เรียนกับอาจารย์ จรัส บุณญธรรมา สถานที่ กิตติพงศ์ แมนชั่น เวลา 18.17 น.
แสงเลเซอร์ เป็นแสงที่มีระเบียบสูง และเป็นแสงอาพันธ์ นักวิทยาศาสตร์ทราบกันดีอยู่แล้วว่า แสงเป็นได้ทั้งอนุภาคกับคลื่น หรือเป็นได้ทั้งสองอย่างพร้อมๆกัน ถ้าเราสมมติว่าแสงเป็นอนุภาคเล็กๆ ลำแสงเลเซอร์ ก็คือลำของอนุภาคขนาดจิ๋ว ที่พุ่งไปข้างหน้าอย่างมีระเบียบ หรือถ้าเราสมมติให้แสงเป็นคลื่น ลำแสงเลเซอร์ก็คือ ลูกคลื่นที่มีความคลื่นเท่ากันทุกลูกคลื่น เมื่อแสงหรือโฟตอน กระทบเข้ากับอะตอม จะทำให้อิเล็กตรอนที่โคจรอยู่รอบนิวเคลียส ยกระดับพลังงานสูงขึ้น และเปลี่ยนวงโคจรเป็นวงโคจรระดับสูง ซึ่งสภาวะนี้ เรียกว่า อะตอมถูกกระตุ้น (stimulated atom) เมื่อการกระตุ้นจากภายนอกหยุดลง อิเล็กตรอนจะกลับเข้าลงสู่วงโคจรปกติ และปลดปล่อยพลังงานหรือแสงออกมา ในทางฟิสิกส์ เราเชื่อได้ว่า แสงเป็นไปได้ทั้งอนุภาค และคลื่น การอธิบายแบบอนุภาค เราได้ทำไปแล้วตั้งแต่เบื้องต้น แต่ถ้าแสงเป็นคลื่น การอธิบายต้องเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง โดยที่คลื่นแสงเมื่อพุ่งเข้าชนกับอะตอมที่ถูกกระตุ้น อะตอมจะปลดปล่อยพลังงานออกมาเสริมเข้ากับคลื่นที่พุ่งเข้าไป ทำให้คลื่นที่ได้ออกมามีแอมพลิจูดสูงขึ้น หรือทำให้พลังงานของคลื่นเพิ่มขึ้นนั่นเอง อะตอมที่ถูกกระตุ้นจะให้โฟตอนออกมา และเมื่อให้ออกมาแล้วจะกลับเข้าสู่สถานะพลังงานต่ำ รอการพุ่งเข้าชนของโฟตอน ซึ่งจะถูกกระตุ้นใหม่ เป็นวัฏจักรตลอดเวลา โฟตอนที่ได้ออกมาไปทำให้เกิดปฎิกิริยาลูกโซ่ กระตุ้นให้อะตอมอื่นปลดปล่อยโฟตอนออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่สังเกตเห็นว่า โฟตอนที่ได้ออกมาข้างบนไม่มีระเบียบเลย การพุ่งออกมาอย่างไม่มีทิศทางนี้ ทำให้เราได้แสงเลเซอร์ที่มีพลังงานไม่มากพอ นำไปใช้ประโยชน์ไม่ได้ ถ้าเราจะนำแสงเลเซอร์ไปใช้ประโยชน์ ลำแสงจะต้องพุ่งไปในทิศทางเดียว เราจะใช้เทคนิคพิเศษหนึ่ง โดยการเพิ่มกระจกระหว่างอะตอม เมื่อเราปั๊มพลังงานให้กับอะตอม จะเกิดการกระตุ้นของอะตอมจำนวนมาก และได้โฟตอนออกมาจำนวนหนึ่ง โฟตอนจะสะท้อนอยู่ระหว่างกระจก มีพลังงานเพิ่มขึ้นเรื่อย รอจนมีพลังงานมากพอจึงพุ่งผ่านกระจกเป็นแสงเลเซอร์ออกมาใช้งาน เราเคยกล่าวมาแล้วว่า แสงเป็นไปได้ทั้งอนุภาค (particle) และคลื่น (wave) ดังนั้นการอธิบายจึงทำได้ทั้งสองแบบ
|
|
|
|
Pichat Soysamrong
|
 |
« ตอบ #114 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 06:26:32 pm » |
|
กระผม นาย พิเชษฐ์ สร้อยสำโรง นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมโยธา sec. 04 รหัสประจำตัว 115330411003-0 เลขที่ 3 เรียนกับอาจารย์ ผศ.จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 10 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 ที่ เศรษฐบุตร พาวิลเลี่ยน 32/19 ม. 1 ต. คลองหก อ. คลองหลวง จ. ปทุมธานี เวลา 18.25 น. สรุปได้ว่า แสงเลเซอร์ เป็นแสงที่มีระเบียบสูง และเป็นแสงอาพันธ์ นักวิทยาศาสตร์ทราบกันดีอยู่แล้วว่า แสงเป็นได้ทั้งอนุภาคกับคลื่น หรือเป็นได้ทั้งสองอย่างพร้อมๆกัน ถ้าเราสมมติว่าแสงเป็นอนุภาคเล็กๆ ลำแสงเลเซอร์ ก็คือลำของอนุภาคขนาดจิ๋ว ที่พุ่งไปข้างหน้าอย่างมีระเบียบ หรือถ้าเราสมมติให้แสงเป็นคลื่น ลำแสงเลเซอร์ก็คือ ลูกคลื่นที่มีความคลื่นเท่ากันทุกลูกคลื่น เมื่อแสงหรือโฟตอน กระทบเข้ากับอะตอม จะทำให้อิเล็กตรอนที่โคจรอยู่รอบนิวเคลียส ยกระดับพลังงานสูงขึ้น และเปลี่ยนวงโคจรเป็นวงโคจรระดับสูง ซึ่งสภาวะนี้ เรียกว่า อะตอมถูกกระตุ้น (stimulated atom) เมื่อการกระตุ้นจากภายนอกหยุดลง อิเล็กตรอนจะกลับเข้าลงสู่วงโคจรปกติ และปลดปล่อยพลังงานหรือแสงออกมา ในทางฟิสิกส์ เราเชื่อได้ว่า แสงเป็นไปได้ทั้งอนุภาค และคลื่น การอธิบายแบบอนุภาค เราได้ทำไปแล้วตั้งแต่เบื้องต้น แต่ถ้าแสงเป็นคลื่น การอธิบายต้องเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง โดยที่คลื่นแสงเมื่อพุ่งเข้าชนกับอะตอมที่ถูกกระตุ้น อะตอมจะปลดปล่อยพลังงานออกมาเสริมเข้ากับคลื่นที่พุ่งเข้าไป ทำให้คลื่นที่ได้ออกมามีแอมพลิจูดสูงขึ้น หรือทำให้พลังงานของคลื่นเพิ่มขึ้นนั่นเอง อะตอมที่ถูกกระตุ้นจะให้โฟตอนออกมา และเมื่อให้ออกมาแล้วจะกลับเข้าสู่สถานะพลังงานต่ำ รอการพุ่งเข้าชนของโฟตอน ซึ่งจะถูกกระตุ้นใหม่ เป็นวัฏจักรตลอดเวลา โฟตอนที่ได้ออกมาไปทำให้เกิดปฎิกิริยาลูกโซ่ กระตุ้นให้อะตอมอื่นปลดปล่อยโฟตอนออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่สังเกตเห็นว่า โฟตอนที่ได้ออกมาข้างบนไม่มีระเบียบเลย การพุ่งออกมาอย่างไม่มีทิศทางนี้ ทำให้เราได้แสงเลเซอร์ที่มีพลังงานไม่มากพอ นำไปใช้ประโยชน์ไม่ได้ ถ้าเราจะนำแสงเลเซอร์ไปใช้ประโยชน์ ลำแสงจะต้องพุ่งไปในทิศทางเดียว เราจะใช้เทคนิคพิเศษหนึ่ง โดยการเพิ่มกระจกระหว่างอะตอม เมื่อเราปั๊มพลังงานให้กับอะตอม จะเกิดการกระตุ้นของอะตอมจำนวนมาก และได้โฟตอนออกมาจำนวนหนึ่ง โฟตอนจะสะท้อนอยู่ระหว่างกระจก มีพลังงานเพิ่มขึ้นเรื่อย รอจนมีพลังงานมากพอจึงพุ่งผ่านกระจกเป็นแสงเลเซอร์ออกมาใช้งาน เราเคยกล่าวมาแล้วว่า แสงเป็นไปได้ทั้งอนุภาค (particle) และคลื่น (wave) ดังนั้นการอธิบายจึงทำได้ทั้งสองแบบ
|
|
|
|
PoxyDonZ
|
 |
« ตอบ #115 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 06:29:37 pm » |
|
นาย สุรศักดิ์ ด้วงใจจิตร รหัส 115330411036-0 วิศวกรรมโยธา เวลา 06.30pm. วันที่ 10 ก.พ. 54 สถานที่ หอร์ โฟร์บี 2
แสงเลเซอร์ เป็นแสงที่มีระเบียบสูง และเป็นแสงอาพันธ์ นักวิทยาศาสตร์ทราบกันดีอยู่แล้วว่า แสงเป็นได้ทั้งอนุภาคกับคลื่น หรือเป็นได้ทั้งสองอย่างพร้อมๆกัน ถ้าเราสมมติว่าแสงเป็นอนุภาคเล็กๆ ลำแสงเลเซอร์ ก็คือลำของอนุภาคขนาดจิ๋ว ที่พุ่งไปข้างหน้าอย่างมีระเบียบ หรือถ้าเราสมมติให้แสงเป็นคลื่น ลำแสงเลเซอร์ก็คือ ลูกคลื่นที่มีความคลื่นเท่ากันทุกลูกคลื่น เมื่อโฟตอนเข้าชนกับอะตอม จะทำให้อะตอมอยู่ในสถานะถูกกระตุ้น ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเมื่อมันถูกพุ่งชนอีกครั้ง อะตอมจะปลดปล่อยโฟตอนใหม่ออกมา มีลักษณะเหมือนกับโฟตอนที่พุ่งเข้าชน และมีสีเดียวกัน ถ้ามีพลังงานมากพอจะพุ่งออกมาในทิศทางเดียวกัน เราเรียกกระบวนการนี้ว่า การปล่อยโฟตอนแบบกระตุ้น (Stimulated emission) โฟตอนที่เหมือนกัน จะถูกทำให้เพิ่มขึ้นตลอดเวลา หรือพูดอีกนัยหนึ่ง คือถูกขยายขึ้นนั่นเอง คำว่าขยาย หรือ โตขึ้น ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า แอมพลิฟาย (Amplified) คำว่า เลเซอร์ (laser) ย่อมาจากคำว่า light amplification by stimulated emission of radiation ไม่ทราบว่าจะแปลเป็นไทยให้สละสลวยได้อย่างไร มันยาวเหลือเกิน การทำให้อะตอมอยู่ในสถานะที่ถูกกระตุ้น และทำให้เกิดแสงเลเซอร์ขึ้น ใช้เวลาสั้นมากๆ แต่ในการทดลองที่เราสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการอธิบาย เป็นภาพช้า(slow motion) ที่แสดงการเกิดทุกขั้นทุกตอน จึงไม่ใช่เวลาจริง เพราะของจริงเร็วกว่านี้นับเป็นล้านๆเท่าค่ะ
|
|
|
|
PoxyDonZ
|
 |
« ตอบ #116 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 07:04:57 pm » |
|
นาย สุรศักดิ์ ด้วงใจจิตร รหัส 115330411036-0 วิศวกรรมโยธา เวลา 07.04 pm. วันที่ 10 ก.พ. 54 สถานที่ หอร์ โฟร์บี 2
ใน ปี ค.ศ.1892-1990 มีการเพิ่มขึ้นอีก 15 วินาที แสดงให้เห็นว่าโลกหมุนช้าลง 0.83 วินาทีต่อปี ทุกวันนี้คุณสามารถมีนาฬาปรมาณูบนข้อมือของคุณได้ นาฬิกาปรมาณู ยังช่วยพิสูตร ทฤษฎีของไอส์ไตน์ทฤษฎีสัมพันทภาพของเขาบอกว่า หลังจากหลายพันปีของการดิ้นรนเพื่อความแม้นยำสูงสุดเรากำลังวัดอะไรบางอย่างที่ไม่มีความเป็นที่สุดแต่อย่างใดเวลาตามความเป็นจริงของไอส์ไตน์ เดินช้าลงด้วยความรวจเร็ว
|
|
|
|
ณัฐพงษ์ สันทะ
|
 |
« ตอบ #117 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 08:33:52 pm » |
|
กระผม นาย ณัฐพงษ์ สันทะ นักศึกษาคณะ วิศวกรรมอุตสาหการ - การจัดการ sec 4 รหัสประจำตัว 115330441216-2 เรียนกับอาจารย์ ผศ.จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่_9 เดือน_02 พศ_2554 ที่(ชื่อหอพัก/ชื่อบ้านพัก)_ประสงค์ เวลา_18.46 มีความเห็นว่า/มีข้อคิดเห็นว่า/ความรู้จากเนื้อหาที่ได้ คือ
ใน ปี ค.ศ.1892-1990 มีการเพิ่มขึ้นอีก 15 วินาที แสดงให้เห็นว่าโลกหมุนช้าลง 0.83 วินาทีต่อปี ทุกวันนี้คุณสามารถมีนาฬาปรมาณูบนข้อมือของคุณได้ นาฬิกาปรมาณู ยังช่วยพิสูตร ทฤษฎีของไอส์ไตน์ทฤษฎีสัมพันทภาพของเขาบอกว่า หลังจากหลายพันปีของการดิ้นรนเพื่อความแม้นยำสูงสุดเรากำลังวัดอะไรบางอย่างที่ไม่มีความเป็นที่สุด แต่อย่างใดเวลาตามความเป็นจริงของไอส์ไตน์ เดินช้าลงด้วยความรวจเร็ว
|
|
|
|
Thamanoon
|
 |
« ตอบ #118 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 09:53:51 pm » |
|
ผมนายธรรมนูญ พุทธวงษ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมโยธา sec 04 รหัส 115330411009-7 เลขที่ 9 เรียนกับ อ. จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2554 ที่บ้านเช่า ซอยอีสเทิร์น เวลา 21.53 น. มีความเห็นว่า แสงเลเซอร์ เป็นแสงที่มีระเบียบสูง และเป็นแสงอาพันธ์ นักวิทยาศาสตร์ทราบกันดีอยู่แล้วว่า แสงเป็นได้ทั้งอนุภาคกับคลื่น หรือเป็นได้ทั้งสองอย่างพร้อมๆกัน ถ้าเราสมมติว่าแสงเป็นอนุภาคเล็กๆ ลำแสงเลเซอร์ ก็คือลำของอนุภาคขนาดจิ๋ว ที่พุ่งไปข้างหน้าอย่างมีระเบียบ หรือถ้าเราสมมติให้แสงเป็นคลื่น ลำแสงเลเซอร์ก็คือ ลูกคลื่นที่มีความคลื่นเท่ากันทุกลูกคลื่น เมื่อแสงหรือโฟตอน กระทบเข้ากับอะตอม จะทำให้อิเล็กตรอนที่โคจรอยู่รอบนิวเคลียส ยกระดับพลังงานสูงขึ้น และเปลี่ยนวงโคจรเป็นวงโคจรระดับสูง ซึ่งสภาวะนี้ เรียกว่า อะตอมถูกกระตุ้น (stimulated atom) เมื่อการกระตุ้นจากภายนอกหยุดลง อิเล็กตรอนจะกลับเข้าลงสู่วงโคจรปกติ และปลดปล่อยพลังงานหรือแสงออกมา ในทางฟิสิกส์ เราเชื่อได้ว่า แสงเป็นไปได้ทั้งอนุภาค และคลื่น การอธิบายแบบอนุภาค เราได้ทำไปแล้วตั้งแต่เบื้องต้น แต่ถ้าแสงเป็นคลื่น การอธิบายต้องเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง โดยที่คลื่นแสงเมื่อพุ่งเข้าชนกับอะตอมที่ถูกกระตุ้น อะตอมจะปลดปล่อยพลังงานออกมาเสริมเข้ากับคลื่นที่พุ่งเข้าไป ทำให้คลื่นที่ได้ออกมามีแอมพลิจูดสูงขึ้น หรือทำให้พลังงานของคลื่นเพิ่มขึ้นนั่นเอง อะตอมที่ถูกกระตุ้นจะให้โฟตอนออกมา และเมื่อให้ออกมาแล้วจะกลับเข้าสู่สถานะพลังงานต่ำ รอการพุ่งเข้าชนของโฟตอน ซึ่งจะถูกกระตุ้นใหม่ เป็นวัฏจักรตลอดเวลา โฟตอนที่ได้ออกมาไปทำให้เกิดปฎิกิริยาลูกโซ่ กระตุ้นให้อะตอมอื่นปลดปล่อยโฟตอนออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่สังเกตเห็นว่า โฟตอนที่ได้ออกมาข้างบนไม่มีระเบียบเลย การพุ่งออกมาอย่างไม่มีทิศทางนี้ ทำให้เราได้แสงเลเซอร์ที่มีพลังงานไม่มากพอ นำไปใช้ประโยชน์ไม่ได้ ถ้าเราจะนำแสงเลเซอร์ไปใช้ประโยชน์ ลำแสงจะต้องพุ่งไปในทิศทางเดียว เราจะใช้เทคนิคพิเศษหนึ่ง โดยการเพิ่มกระจกระหว่างอะตอม เมื่อเราปั๊มพลังงานให้กับอะตอม จะเกิดการกระตุ้นของอะตอมจำนวนมาก และได้โฟตอนออกมาจำนวนหนึ่ง โฟตอนจะสะท้อนอยู่ระหว่างกระจก มีพลังงานเพิ่มขึ้นเรื่อย รอจนมีพลังงานมากพอจึงพุ่งผ่านกระจกเป็นแสงเลเซอร์ออกมาใช้งาน เราเคยกล่าวมาแล้วว่า แสงเป็นไปได้ทั้งอนุภาค (particle) และคลื่น (wave) ดังนั้นการอธิบายจึงทำได้ทั้งสองแบบ
|
|
|
|
ponyotha
|
 |
« ตอบ #119 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 11:18:56 pm » |
|
ผมนายวีรพล นุ่มน้อย เลขที่ 11 115330411014-7 sce 4 วิศวกรรมโยธาต่อเนื่อง วันที่ 10/02/2554 เวลา 23.18 น. อยู่เจริญแมนชั่น แสงเลเซอร์ เป็นแสงที่มีระเบียบสูง และเป็นแสงอาพันธ์ นักวิทยาศาสตร์ทราบกันดีอยู่แล้วว่า แสงเป็นได้ทั้งอนุภาคกับคลื่น หรือเป็นได้ทั้งสองอย่างพร้อมๆกัน ถ้าเราสมมติว่าแสงเป็นอนุภาคเล็กๆ ลำแสงเลเซอร์ ก็คือลำของอนุภาคขนาดจิ๋ว ที่พุ่งไปข้างหน้าอย่างมีระเบียบ หรือถ้าเราสมมติให้แสงเป็นคลื่น ลำแสงเลเซอร์ก็คือ ลูกคลื่นที่มีความคลื่นเท่ากันทุกลูกคลื่น เมื่อโฟตอนเข้าชนกับอะตอม จะทำให้อะตอมอยู่ในสถานะถูกกระตุ้น ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเมื่อมันถูกพุ่งชนอีกครั้ง อะตอมจะปลดปล่อยโฟตอนใหม่ออกมา มีลักษณะเหมือนกับโฟตอนที่พุ่งเข้าชน และมีสีเดียวกัน ถ้ามีพลังงานมากพอจะพุ่งออกมาในทิศทางเดียวกัน เราเรียกกระบวนการนี้ว่า การปล่อยโฟตอนแบบกระตุ้น (Stimulated emission) โฟตอนที่เหมือนกัน จะถูกทำให้เพิ่มขึ้นตลอดเวลา
|
|
|
|
|