Nhamtoey
|
 |
« ตอบ #120 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 07:52:30 pm » |
|
นางสาวเรวดี จันท้าว ภาควิชาวิศวกรรมโยธา sec 04 รหัส 115330411006-3 เลขที่ 6 ตั้งกระทู้วันที่ 9/02/2554 เวลา 19.48น. ที่ หอพักโอนิน5
แบบจำลองอะตอมของบอร์ ค.ศ. 1913 บอร์ (Niels Bohr) ได้ใช้อะตอมของไฮโดรเจนเป็นแบบจำลองของอะตอม อะตอมของไฮโดรเจนมีโปรตอนเป็นนิวเคลียส 1 ตัว และมีอิเล็กตรอนโคจรรอบนิวเคลียส 1 ตัว บอร์ได้ตั้งสมมติฐานโดยอาศัยแนวความคิดจากทฤษฎีควอนตัมอธิบายโครงสร้างของไฮโดรเจนและการเกิดสเปกตรัมของไฮโดรเจนได้ชัดเจน สมมติฐานของเขามีดังนี้ 1.อิเล็กตรอนของอะตอมมีได้หลายวงโคจร อิเล็กตรอนจะอยู่ในวงเหล่านี้ได้โดยไม่แผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โมเมินตัมเชิงมุมของวงจรมีค่าไม่ต่อเนื่อง มีค่าเป็นจำนวนเต็มของ h/2พาย เรียกสถานะคงตัว
|
|
|
|
dararat
|
 |
« ตอบ #121 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 08:12:17 pm » |
|
นางสาวดารารัตน์ นิรันต์เรือง รหัส 115210904035-0 sec 02 เลขที่ 41 คณะวิทยาศาสตร์เเละเทคโนโลยี สาขาชีววิทยา อาจารย์ผู้สอนจรัส บุญธรรมา เข้ามาตอบกระทู้เมื่อวัน 9 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 20:12 ณ ห้องพักส่วนตัว ซ.zoom สรุปได้ว่า บอร์ (Niels Bohr) ได้ใช้อะตอมของไฮโดรเจนเป็นแบบจำลองของอะตอม อะตอมของไฮโดรเจนมีโปรตอนเป็นนิวเคลียส 1 ตัว และมีอิเล็กตรอนโคจรรอบนิวเคลียส 1 ตัว บอร์ได้ตั้งสมมติฐานโดยอาศัยแนวความคิดจากทฤษฎีควอนตัมอธิบายโครงสร้างของ ไฮโดรเจนและการเกิดสเปกตรัมของไฮโดรเจนได้ชัดเจน อิเล็กตรอนของอะตอมมีได้หลายวงโคจร อิเล็กตรอนจะอยู่ในวงเหล่านี้ได้โดยไม่แผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โมเมินตัมเชิงมุมของวงจรมีค่าไม่ต่อเนื่อง มีค่าเป็นจำนวนเต็มของ h/2พาย เรียกสถานะคงตัว
|
|
|
|
leonado_davinci
|
 |
« ตอบ #122 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 08:16:26 pm » |
|
Jakrapong Mensin นายจักรพงศ์ เม่นสิน คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาโยธา รหัส 115330411015-4 sec 4 เลขที่ 12 เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 9/2/54 เวลา 8.15 pm ที่ห้องสมุด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี แบบจำลองอะตอมของบอร์ ค.ศ. 1913 บอร์ (Niels Bohr) ได้ใช้อะตอมของไฮโดรเจนเป็นแบบจำลองของอะตอม อะตอมของไฮโดรเจนมีโปรตอนเป็นนิวเคลียส 1 ตัว และมีอิเล็กตรอนโคจรรอบนิวเคลียส 1 ตัว บอร์ได้ตั้งสมมติฐานโดยอาศัยแนวความคิดจากทฤษฎีควอนตัมอธิบายโครงสร้างของไฮโดรเจนและการเกิดสเปกตรัมของไฮโดรเจนได้ชัดเจน สมมติฐานของเขามีดังนี้ 1.อิเล็กตรอนของอะตอมมีได้หลายวงโคจร อิเล็กตรอนจะอยู่ในวงเหล่านี้ได้โดยไม่แผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โมเมินตัมเชิงมุมของวงจรมีค่าไม่ต่อเนื่อง มีค่าเป็นจำนวนเต็มของ h/2พาย เรียกสถานะคงตัว
|
|
|
|
00sunisa00
|
 |
« ตอบ #123 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 09:10:29 pm » |
|
น.ส.สุนิศ่า ชมมิ sec.2 เลขที่ 46 115310903001-1 สาขาสถิติ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 21.08 น. ณ ร้านอินเตอร์เน็ต ค.ศ. 1913 บอร์ (Niels Bohr) ได้ใช้อะตอมของไฮโดรเจนเป็นแบบจำลองของอะตอม อะตอมของไฮโดรเจนมีโปรตอนเป็นนิวเคลียส 1 ตัว และมีอิเล็กตรอนโคจรรอบนิวเคลียส 1 ตัว บอร์ได้ตั้งสมมติฐานโดยอาศัยแนวความคิดจากทฤษฎีควอนตัมอธิบายโครงสร้างของ ไฮโดรเจนและการเกิดสเปกตรัมของไฮโดรเจนได้ชัดเจน อิเล็กตรอนของอะตอมมีได้หลายวงโคจร อิเล็กตรอนจะอยู่ในวงเหล่านี้ได้โดยไม่แผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โมเมินตัมเชิงมุมของวงจรมีค่าไม่ต่อเนื่อง
|
|
|
|
Tarintip
|
 |
« ตอบ #124 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 10:12:09 pm » |
|
นางสาวธารินทิพย์ วรรณกลาง นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาสถิติประยุกต์ sec02 เลขที่ 66 ตอบกระทู้วันที่ 9/02/54 เวลา 22.06 สถานที่ หอใน ค.ศ. 1913 บอร์ (Niels Bohr) ได้ใช้อะตอมของไฮโดรเจนเป็นแบบจำลองของอะตอม อะตอมของไฮโดรเจนมีโปรตอนเป็นนิวเคลียส 1 ตัว และมีอิเล็กตรอนโคจรรอบนิวเคลียส 1 ตัว บอร์ได้ตั้งสมมติฐานโดยอาศัยแนวความคิดจากทฤษฎีควอนตัมอธิบายโครงสร้างของ ไฮโดรเจนและการเกิดสเปกตรัมของไฮโดรเจนได้ชัดเจน สมมติฐานของเขามีดังนี้ 1.อิเล็กตรอนของอะตอมมีได้หลายวงโคจร โมเมนตัมเชิงมุมของวงจรมีค่าไม่ต่อเนื่อง 2.เมื่ออิเล็กตรอนเปลี่ยนวงโคจรจะมีการปลดปล่อยหรือดูดกลืนพลังงานเกิดขึ้น
|
|
|
|
watcharich
|
 |
« ตอบ #125 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 10:18:36 pm » |
|
ผมนายวัชริส สุจินตกาวงศ์ วิศวกรรมโยธา รหัส 115040411037-3 sec.02 เลขที่ 4 เข้ามาโพสท์ วันที่ 9 ก.พ.54 เวลา 22.12 น. สถานที่ บ้าน
สรุปว่า
นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจศึกษาและเจาะลึกข้อมูลที่มาจากสเปกตรัมของไฮโดรเจนอะตอมมากเป็นพิเศษ มากกว่าอะตอมของธาตุอื่น เพราะแม้ดวงอาทิตย์มีธาตุชนิดต่างๆจำนวนมากมาย แต่ธาตุที่พบมากที่สุด คือ ธาตุไฮโดรเจน ชั้นบรรยากาศบนดวงอาทิตย์เพียง 2 ชั้นเท่านั้นที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ คือ ชั้นโฟโตสเฟียร์กับชั้นโครโมสเฟียร์ เป็นชั้นบรรยากาศที่เย็นเพียงพอสำหรับธาตุไฮโดรเจนที่สามารถมีอยู่ได้ในรูปอะตอม
|
|
|
|
Eakachai_ie
|
 |
« ตอบ #126 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2011, 10:46:14 pm » |
|
นายเอกชัย สงวนศักดิ์ ศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ sec.2 รหัสประจำตัว 115040441086-4 เรียนกับ ผศ.จรัส บุณยธรรมา วันที่ 9/2/11 ที่หอมาลีแมนชั่น เวลา 22.50 น. แบบจำลองอะตอมของบอร์ ค.ศ. 1913 บอร์ (Niels Bohr) ได้ใช้อะตอมของไฮโดรเจนเป็นแบบจำลองของอะตอม อะตอมของไฮโดรเจนมีโปรตอนเป็นนิวเคลียส 1 ตัว และมีอิเล็กตรอนโคจรรอบนิวเคลียส 1 ตัว บอร์ได้ตั้งสมมติฐานโดยอาศัยแนวความคิดจากทฤษฎีควอนตัมอธิบายโครงสร้างของไฮโดรเจนและการเกิดสเปกตรัมของไฮโดรเจนได้ชัดเจน สมมติฐานของเขามีดังนี้ 1.อิเล็กตรอนของอะตอมมีได้หลายวงโคจร อิเล็กตรอนจะอยู่ในวงเหล่านี้ได้โดยไม่แผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โมเมินตัมเชิงมุมของวงจรมีค่าไม่ต่อเนื่อง มีค่าเป็นจำนวนเต็มของ h/2พาย เรียกสถานะคงตัว
|
|
|
|
kranjana
|
 |
« ตอบ #127 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 12:23:28 am » |
|
นางสาวกาญจนา แสงวงศ์ รหัส 115210904068-1 เลขที่ 45 sec 2 สถานที่ หอใน วันที่ 9/2/2554 เวลา 0.23 น. หลักการของบอห์ร ที่สะท้อนมโนภาพนี้อย่างชัดเจนคือ ทฤษฎีความคล้องจอง (Correspondence Theory) และการเติมเต็ม (Principle of Complementarity) ซึ่งทั้งคู่เน้นความคล้ายกันแม้จะอยู่ใต้ความแตกต่างกัน นีลส์ บอห์ร เข้าใจมโนภาพของความกำกวม ณ ระดับลึกซึ้งที่สุด และงานของเขานี้ได้ค้นหาทางแก้ไขความกำกวมนี้ ไปสู่ความกลมกลืนกันได้อย่างยิ่งใหญ่จากวัยเด็กที่ดูเหมือนบอห์รจะมีบุคลิกภาพขัดแย้งกับความเป็นอัจฉริยะของตนเอง ภาพวัยรุ่นตัวใหญ่ขี้อายใส่เสื้อลงแป้งแข็ง แก้มย้อย ริมฝีปากหนา ท่าทางออกจะซุ่มซ่าม ไม่ได้บ่งบอกถึงความฉลาดเฉลียว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันสมองของเขาจะถูกเก็บกัก การเติบโตพร้อมกับน้องชายที่ดูจะมีอะไรดีกว่าเขาทั้งหมด ไม่ได้สร้างปมในใจเขาเลยสักนิด กลับผลักดันให้เขาสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่เสียอีก การถูกเลี้ยงดูในครอบครัวของนักการศึกษามีส่วนให้บอห์รคิดเป็นอย่างมาก ที่บ้านของเขาทุกครั้งที่มี การถกเถียงทางวิชาการหลังมื้ออาหาร ทั้งสองพี่น้องบอห์รจะถูกบังคับให้นั่งฟังเงียบ อยู่ร่วมฟังแต่ห้ามออกเสียงไม่ว่าจะถาม หรือแสดงความคิดเห็น นี่คือแรงผลักอีกประการ ที่ทำให้บอห์รผู้พี่ต้องเป็นนักคิด ด้วยลักษณะที่ร่างกายไม่กระฉับกระเฉง ทุกครั้งที่ทำการทดลอง นีลส์ บอห์ร มักทำหลอดแก้ว เครื่องมือทดลองทั้งหลายแตกหักอยู่เสมอ และนี่นับเป็นประการหนึ่งในปัจจัยที่บอห์รสร้างทฤษฎีควอนตัมได้จากความขัดแย้งและกำกวม
|
|
|
|
Kitiwat
|
 |
« ตอบ #128 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 02:31:22 am » |
|
นายกิติวัฒน์ ศรประสิทธิ์ เลขที่ 24 รหัส 115330411030-3 วิศวกรรมโยธา sec 4 นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจศึกษาและเจาะลึกข้อมูลที่มาจากสเปกตรัมของไฮโดรเจนอะตอมมากเป็นพิเศษ มากกว่าอะตอมของธาตุอื่น เพราะแม้ดวงอาทิตย์มีธาตุชนิดต่างๆจำนวนมากมาย แต่ธาตุที่พบมากที่สุด คือ ธาตุไฮโดรเจน ชั้นบรรยากาศบนดวงอาทิตย์เพียง 2 ชั้นเท่านั้นที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ คือ ชั้นโฟโตสเฟียร์กับชั้นโครโมสเฟียร์ เป็นชั้นบรรยากาศที่เย็นเพียงพอสำหรับธาตุไฮโดรเจนที่สามารถมีอยู่ได้ในรูปอะตอม และตรงนี้นี่เองที่เรามองเห็นสเปกตรัมการดูดกลืนและการคายคลื่นแสงของไฮโดรเจนอะตอม
|
|
|
|
boatvivi
|
 |
« ตอบ #129 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 01:20:14 pm » |
|
นางสาวณัฎฐพร ชื่นสมบัติ นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ sec 02 เลขที่ 1 เวลา 13.20 น. วันที่ 10 ก.พ. 2554
ได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้แล้วค่ะ
|
|
|
|
NISUMA
|
 |
« ตอบ #130 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 01:37:46 pm » |
|
นางสาวนิสุมา พรมนวล รหัส115110901010-8 เลขที่8 sec02 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาคณิตศาสตร์ ค.ศ. 1913 บอร์ (Niels Bohr) ได้ใช้อะตอมของไฮโดรเจนเป็นแบบจำลองของอะตอม อะตอมของไฮโดรเจนมีโปรตอนเป็นนิวเคลียส 1 ตัว และมีอิเล็กตรอนโคจรรอบนิวเคลียส 1 ตัว บอร์ได้ตั้งสมมติฐานโดยอาศัยแนวความคิดจากทฤษฎีควอนตัมอธิบายโครงสร้างของไฮโดรเจนและการเกิดสเปกตรัมของไฮโดรเจนได้ชัดเจน
|
|
|
|
NISUMA
|
 |
« ตอบ #131 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 01:39:29 pm » |
|
นางสาวนิสุมา พรมนวล รหัส115110901010-8 เลขที่8 sec02 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาคณิตศาสตร์ ค.ศ. 1913 บอร์ (Niels Bohr) ได้ใช้อะตอมของไฮโดรเจนเป็นแบบจำลองของอะตอม อะตอมของไฮโดรเจนมีโปรตอนเป็นนิวเคลียส 1 ตัว และมีอิเล็กตรอนโคจรรอบนิวเคลียส 1 ตัว บอร์ได้ตั้งสมมติฐานโดยอาศัยแนวความคิดจากทฤษฎีควอนตัมอธิบายโครงสร้างของไฮโดรเจนและการเกิดสเปกตรัมของไฮโดรเจนได้ชัดเจน
|
|
|
|
natthapon
|
 |
« ตอบ #132 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 02:42:39 pm » |
|
กระผมนายนัฐพล การคณะวงศ์ นศ.วิศวกรรมอุตสาหการ sec 4 รหัส 115330441206-3 เรียนกับ ผศ.จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2554 ที่ หอดู๊ดดรีม เวลา 14.46 น. หลักการของบอห์ร ที่สะท้อนมโนภาพนี้อย่างชัดเจนคือ ทฤษฎีความคล้องจอง (Correspondence Theory) และการเติมเต็ม (Principle of Complementarity) ซึ่งทั้งคู่เน้นความคล้ายกันแม้จะอยู่ใต้ความแตกต่างกัน นีลส์ บอห์ร เข้าใจมโนภาพของความกำกวม ณ ระดับลึกซึ้งที่สุด และงานของเขานี้ได้ค้นหาทางแก้ไขความกำกวมนี้ ปสู่ความกลมกลืนกันได้อย่างยิ่งใหญ่จากวัยเด็กที่ดูเหมือนบอห์รจะมีบุคลิกภาพขัดแย้งกับความเป็นอัจฉริยะของตนเอง ภาพวัยรุ่นตัวใหญ่ขี้อายใส่เสื้อลงแป้งแข็ง แก้มย้อย ริมฝีปากหนา ท่าทางออกจะซุ่มซ่าม ไม่ได้บ่งบอกถึงความฉลาดเฉลียว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันสมองของเขาจะถูกเก็บกัก การถูกเลี้ยงดูในครอบครัวของนักการศึกษามีส่วนให้บอห์รคิดเป็นอย่างมาก ที่บ้านของเขาทุกครั้งที่มีการถกเถียงทางวิชาการหลังมื้ออาหาร ทั้งสองพี่น้องบอห์รจะถูกบังคับให้นั่งฟังเงียบ อยู่ร่วมฟังแต่ห้ามออกเสียงไม่ว่าจะถาม หรือแสดงความคิดเห็น นี่คือแรงผลักอีกประการ
|
|
|
|
waranya
|
 |
« ตอบ #133 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 02:54:28 pm » |
|
นางสาววรัญญา สิงห์ป้อม sec.02 เลขที่ 69 รหัส 115310903049-0 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาสถิติ วันที่ 10/02/54 เวลา 14.52 น. ณ หอศุภมาศ
สรุปว่า..
นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจศึกษาและเจาะลึกข้อมูลที่มาจากสเปกตรัมของไฮโดรเจนอะตอมมากเป็นพิเศษ มากกว่าอะตอมของธาตุอื่น เพราะแม้ดวงอาทิตย์มีธาตุชนิดต่างๆจำนวนมากมาย แต่ธาตุที่พบมากที่สุด คือ ธาตุไฮโดรเจน ชั้นบรรยากาศบนดวงอาทิตย์เพียง 2 ชั้นเท่านั้นที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ คือ ชั้นโฟโตสเฟียร์กับชั้นโครโมสเฟียร์ เป็นชั้นบรรยากาศที่เย็นเพียงพอสำหรับธาตุไฮโดรเจนที่สามารถมีอยู่ได้ในรูปอะตอม และตรงนี้นี่เองที่เรามองเห็นสเปกตรัมการดูดกลืนและการคายคลื่นแสงของไฮโดรเจนอะตอม
|
|
|
|
sarayut sringam
|
 |
« ตอบ #134 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 03:02:08 pm » |
|
กระผมนายศรายุธ สีงาม นศ.วิศวกรรมอุตสาหการ-การจัดการ sec 4 รหัส 115330441201-4 เรียนกับ ผศ.จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2554 ที่ ตึกวิทยบริการ เวลา 15.02 น มีความคิดเห็นว่า นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจศึกษาและเจาะลึกข้อมูลที่มาจากสเปกตรัมของไฮโดรเจนอะตอมมากเป็นพิเศษ มากกว่าอะตอมของธาตุอื่น เพราะแม้ดวงอาทิตย์มีธาตุชนิดต่างๆจำนวนมากมาย แต่ธาตุที่พบมากที่สุด คือ ธาตุไฮโดรเจน ชั้นบรรยากาศบนดวงอาทิตย์เพียง 2 ชั้นเท่านั้นที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ คือ ชั้นโฟโตสเฟียร์กับชั้นโครโมสเฟียร์ เป็นชั้นบรรยากาศที่เย็นเพียงพอสำหรับธาตุไฮโดรเจนที่สามารถมีอยู่ได้ในรูปอะตอม และตรงนี้นี่เองที่เรามองเห็นสเปกตรัมการดูดกลืนและการคายคลื่นแสงของไฮโดรเจนอะตอม
|
|
|
|
Meena
|
 |
« ตอบ #135 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 04:02:36 pm » |
|
นายพสิษฐ์ แดงอาสา รหัส 115330411011-3 sec.4 วิศวกรรมโยธา วันที 10/2/54 เวลา 16.02 น. ณ บ้านเลขที่ 231/135
หลักการของบอห์ร ที่สะท้อนมโนภาพนี้อย่างชัดเจนคือ ทฤษฎีความคล้องจอง (Correspondence Theory) และการเติมเต็ม (Principle of Complementarity) ซึ่งทั้งคู่เน้นความคล้ายกันแม้จะอยู่ใต้ความแตกต่างกัน นีลส์ บอห์ร เข้าใจมโนภาพของความกำกวม ณ ระดับลึกซึ้งที่สุด และงานของเขานี้ได้ค้นหาทางแก้ไขความกำกวมนี้ ไปสู่ความกลมกลืนกันได้อย่างยิ่งใหญ่จากวัยเด็กที่ดูเหมือนบอห์รจะมีบุคลิกภาพขัดแย้งกับความเป็นอัจฉริยะของตนเอง ภาพวัยรุ่นตัวใหญ่ขี้อายใส่เสื้อลงแป้งแข็ง แก้มย้อย ริมฝีปากหนา ท่าทางออกจะซุ่มซ่าม ไม่ได้บ่งบอกถึงความฉลาดเฉลียว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันสมองของเขาจะถูกเก็บกัก การเติบโตพร้อมกับน้องชายที่ดูจะมีอะไรดีกว่าเขาทั้งหมด ไม่ได้สร้างปมในใจเขาเลยสักนิด กลับผลักดันให้เขาสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่เสียอีก การถูกเลี้ยงดูในครอบครัวของนักการศึกษามีส่วนให้บอห์รคิดเป็นอย่างมาก ที่บ้านของเขาทุกครั้งที่มี การถกเถียงทางวิชาการหลังมื้ออาหาร ทั้งสองพี่น้องบอห์รจะถูกบังคับให้นั่งฟังเงียบ อยู่ร่วมฟังแต่ห้ามออกเสียงไม่ว่าจะถาม หรือแสดงความคิดเห็น นี่คือแรงผลักอีกประการ ที่ทำให้บอห์รผู้พี่ต้องเป็นนักคิด ด้วยลักษณะที่ร่างกายไม่กระฉับกระเฉง ทุกครั้งที่ทำการทดลอง นีลส์ บอห์ร มักทำหลอดแก้ว เครื่องมือทดลองทั้งหลายแตกหักอยู่เสมอ และนี่นับเป็นประการหนึ่งในปัจจัยที่บอห์รสร้างทฤษฎีควอนตัมได้จากความขัดแย้งและกำกวม
|
|
|
|
ศราวุธ พูลทรัพย์
|
 |
« ตอบ #136 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 04:11:50 pm » |
|
กระผมนายศราวุธ พูลทรัพย์ นักศึกษาภาควิชาวิศวกรรมโยธา รหัส 115330411042-8 เลขที่ 35 sec 04 เรียนกับอาจารย์จรัส บุณยธรรมา ตอบกระทู้นี้ที่หอลากูล วันที่ 10/2/2554 เวลา 16.11น แบบจำลองอะตอมของบอร์ ได้ใอตอมของไฮโดรเจน เป็นแบบจำลองของอะตอม อะตอมของไฮโดรเจนมีเป็นนิวเคลียส 1 ตัว และมีอิเล้กตรอนโดคจรรอบนิวเคลียส 1ตัว บอร์ได้ตั้งสมมติฐาน โดยอาศัยแนวคิดจากทฤษฎีควอนตัมเชิงอธิบาย โครงสร้างของ"ฮโดรเจนได้ชัดเจน
|
|
|
|
oOGIG...k}
|
 |
« ตอบ #137 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 05:05:27 pm » |
|
ผมนายชำนาญกิจ ศิริยานนท์ รหัส 115330411004-8 เลขที่ 4 sec.4 วิศวกรรมโยธา เวลา 05:05:40 pm วันที่ 10/2/54
หลักการของบอห์ร ที่สะท้อนมโนภาพนี้อย่างชัดเจนคือ ทฤษฎีความคล้องจอง (Correspondence Theory) และการเติมเต็ม (Principle of Complementarity) ซึ่งทั้งคู่เน้นความคล้ายกันแม้จะอยู่ใต้ความแตกต่างกัน นีลส์ บอห์ร เข้าใจมโนภาพของความกำกวม ณ ระดับลึกซึ้งที่สุด และงานของเขานี้ได้ค้นหาทางแก้ไขความกำกวมนี้ ไปสู่ความกลมกลืนกันได้อย่างยิ่งใหญ่จากวัยเด็กที่ดูเหมือนบอห์รจะมีบุคลิกภาพขัดแย้งกับความเป็นอัจฉริยะของตนเอง ภาพวัยรุ่นตัวใหญ่ขี้อายใส่เสื้อลงแป้งแข็ง แก้มย้อย ริมฝีปากหนา ท่าทางออกจะซุ่มซ่าม ไม่ได้บ่งบอกถึงความฉลาดเฉลียว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันสมองของเขาจะถูกเก็บกัก การเติบโตพร้อมกับน้องชายที่ดูจะมีอะไรดีกว่าเขาทั้งหมด ไม่ได้สร้างปมในใจเขาเลยสักนิด กลับผลักดันให้เขาสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่เสียอีก การถูกเลี้ยงดูในครอบครัวของนักการศึกษามีส่วนให้บอห์รคิดเป็นอย่างมาก ที่บ้านของเขาทุกครั้งที่มี การถกเถียงทางวิชาการหลังมื้ออาหาร ทั้งสองพี่น้องบอห์รจะถูกบังคับให้นั่งฟังเงียบ อยู่ร่วมฟังแต่ห้ามออกเสียงไม่ว่าจะถาม หรือแสดงความคิดเห็น นี่คือแรงผลักอีกประการ ที่ทำให้บอห์รผู้พี่ต้องเป็นนักคิด ด้วยลักษณะที่ร่างกายไม่กระฉับกระเฉง ทุกครั้งที่ทำการทดลอง นีลส์ บอห์ร มักทำหลอดแก้ว เครื่องมือทดลองทั้งหลายแตกหักอยู่เสมอ และนี่นับเป็นประการหนึ่งในปัจจัยที่บอห์รสร้างทฤษฎีควอนตัมได้จากความขัดแย้งและกำกวม
|
|
|
|
Pichat Soysamrong
|
 |
« ตอบ #138 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 06:13:09 pm » |
|
กระผม นาย พิเชษฐ์ สร้อยสำโรง นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมโยธา sec. 04 รหัสประจำตัว 115330411003-0 เลขที่ 3 เรียนกับอาจารย์ ผศ.จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 10 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 ที่ เศรษฐบุตร พาวิลเลี่ยน 32/19 ม. 1 ต. คลองหก อ. คลองหลวง จ. ปทุมธานี เวลา 18.12 น. สรุปได้ว่า หลักการของบอห์ร ที่สะท้อนมโนภาพนี้อย่างชัดเจนคือ ทฤษฎีความคล้องจอง (Correspondence Theory) และการเติมเต็ม (Principle of Complementarity) ซึ่งทั้งคู่เน้นความคล้ายกันแม้จะอยู่ใต้ความแตกต่างกัน นีลส์ บอห์ร เข้าใจมโนภาพของความกำกวม ณ ระดับลึกซึ้งที่สุด และงานของเขานี้ได้ค้นหาทางแก้ไขความกำกวมนี้ ไปสู่ความกลมกลืนกั น ได้อย่างยิ่งใหญ่จากวัยเด็กที่ดูเหมือนบอห์รจะมีบุคลิกภาพขัดแย้งกับความเป็นอัจฉริยะของตนเอง ภาพวัยรุ่นตัวใหญ่ขี้อายใส่เสื้อลงแป้งแข็ง แก้มย้อย ริมฝีปากหนา ท่าทางออกจะซุ่มซ่าม ไม่ได้บ่งบอกถึงความฉลาดเฉลียว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันสมองของเขาจะถูกเก็บกัก การเติบโตพร้อมกับน้องชายที่ดูจะมีอะไรดีกว่าเขาทั้งหมด ไม่ได้สร้างปมในใจเขาเลยสักนิด กลับผลักดันให้เขาสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่เสียอีก การถูกเลี้ยงดูในครอบครัวของนักการศึกษามีส่วนให้บอห์รคิดเป็นอย่างมาก ที่บ้านของเขาทุกครั้งที่มี การถกเถียงทางวิชาการหลังมื้ออาหาร ทั้งสองพี่น้องบอห์รจะถูกบังคับให้นั่งฟังเงียบ อยู่ร่วมฟังแต่ห้ามออกเสียงไม่ว่าจะถาม หรือแสดงความคิดเห็น นี่คือแรงผลักอีกประการ ที่ทำให้บอห์รผู้พี่ต้องเป็นนักคิด ด้วยลักษณะที่ร่างกายไม่กระฉับกระเฉงทุกครั้งที่ทำการทดลอง นีลส์ บอห์ร มักทำหลอดแก้ว เครื่องมือทดลองทั้งหลายแตกหักอยู่เสมอ และนี่นับเป็นประการหนึ่งในปัจจัยที่บอห์รสร้างทฤษฎีควอนตัมได้จากความขัดแย้งและกำกวม
|
|
|
|
potchapon031
|
 |
« ตอบ #139 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 06:14:21 pm » |
|
นาย ภชพน เกตุวงศ์ เลขที่ 25 รหัส 115330411031-1 sec.04 วันที่ 10/02/2554 วิศวกรรมโยธา เรียนกับอาจารย์ จรัส บุณญธรรมา สถานที่ กิตติพงศ์ แมนชั่น เวลา 18.13 น.
นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจศึกษาและเจาะลึกข้อมูลที่มาจากสเปกตรัมของไฮโดรเจนอะตอมมากเป็นพิเศษ มากกว่าอะตอมของธาตุอื่น เพราะแม้ดวงอาทิตย์มีธาตุชนิดต่างๆจำนวนมากมาย แต่ธาตุที่พบมากที่สุด คือ ธาตุไฮโดรเจน ชั้นบรรยากาศบนดวงอาทิตย์เพียง 2 ชั้นเท่านั้นที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ คือ ชั้นโฟโตสเฟียร์กับชั้นโครโมสเฟียร์ เป็นชั้นบรรยากาศที่เย็นเพียงพอสำหรับธาตุไฮโดรเจนที่สามารถมีอยู่ได้ในรูปอะตอม และตรงนี้นี่เองที่เรามองเห็นสเปกตรัมการดูดกลืนและการคายคลื่นแสงของไฮโดรเจนอะตอม
|
|
|
|
PoxyDonZ
|
 |
« ตอบ #140 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 06:28:29 pm » |
|
นาย สุรศักดิ์ ด้วงใจจิตร รหัส 115330411036-0 วิศวกรรมโยธา เวลา 06.28 pm. วันที่ 10 ก.พ. 54 สถานที่ หอร์ โฟร์บี 2
หลักการของบอห์ร ที่สะท้อนมโนภาพนี้อย่างชัดเจนคือ ทฤษฎีความคล้องจอง (Correspondence Theory) และการเติมเต็ม (Principle of Complementarity) ซึ่งทั้งคู่เน้นความคล้ายกันแม้จะอยู่ใต้ความแตกต่างกัน นีลส์ บอห์ร เข้าใจมโนภาพของความกำกวม ณ ระดับลึกซึ้งที่สุด และงานของเขานี้ได้ค้นหาทางแก้ไขความกำกวมนี้ ไปสู่ความกลมกลืนกันได้อย่างยิ่งใหญ่จากวัยเด็กที่ดูเหมือนบอห์รจะมีบุคลิกภาพขัดแย้งกับความเป็นอัจฉริยะของตนเอง ภาพวัยรุ่นตัวใหญ่ขี้อายใส่เสื้อลงแป้งแข็ง แก้มย้อย ริมฝีปากหนา ท่าทางออกจะซุ่มซ่าม ไม่ได้บ่งบอกถึงความฉลาดเฉลียว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันสมองของเขาจะถูกเก็บกัก การเติบโตพร้อมกับน้องชายที่ดูจะมีอะไรดีกว่าเขาทั้งหมด ไม่ได้สร้างปมในใจเขาเลยสักนิด กลับผลักดันให้เขาสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่เสียอีก การถูกเลี้ยงดูในครอบครัวของนักการศึกษามีส่วนให้บอห์รคิดเป็นอย่างมาก ที่บ้านของเขาทุกครั้งที่มี การถกเถียงทางวิชาการหลังมื้ออาหาร ทั้งสองพี่น้องบอห์รจะถูกบังคับให้นั่งฟังเงียบ อยู่ร่วมฟังแต่ห้ามออกเสียงไม่ว่าจะถาม หรือแสดงความคิดเห็น นี่คือแรงผลักอีกประการ ที่ทำให้บอห์รผู้พี่ต้องเป็นนักคิด ด้วยลักษณะที่ร่างกายไม่กระฉับกระเฉง ทุกครั้งที่ทำการทดลอง นีลส์ บอห์ร มักทำหลอดแก้ว เครื่องมือทดลองทั้งหลายแตกหักอยู่เสมอ และนี่นับเป็นประการหนึ่งในปัจจัยที่บอห์รสร้างทฤษฎีควอนตัมได้จากความขัดแย้งและกำกวม
|
|
|
|
udomporn
|
 |
« ตอบ #141 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 08:11:17 pm » |
|
นาย อุดมพร พวงสุวรรณ วิศวกรรมโยธา 115330411025-3 เลขที่ 19 sec.04 วันที่ 10/2/54 เวลา 20.11 ณ.ที่หอลากูน
หลักการของบอห์ร ที่สะท้อนมโนภาพนี้อย่างชัดเจนคือ ทฤษฎีความคล้องจอง (Correspondence Theory) และการเติมเต็ม (Principle of Complementarity) ซึ่งทั้งคู่เน้นความคล้ายกันแม้จะอยู่ใต้ความแตกต่างกัน นีลส์ บอห์ร เข้าใจมโนภาพของความกำกวม ณ ระดับลึกซึ้งที่สุด และงานของเขานี้ได้ค้นหาทางแก้ไขความกำกวมนี้ ไปสู่ความกลมกลืนกันได้อย่างยิ่งใหญ่จากวัยเด็กที่ดูเหมือนบอห์รจะมีบุคลิกภาพขัดแย้งกับความเป็นอัจฉริยะของตนเอง ภาพวัยรุ่นตัวใหญ่ขี้อายใส่เสื้อลงแป้งแข็ง แก้มย้อย ริมฝีปากหนา ท่าทางออกจะซุ่มซ่าม ไม่ได้บ่งบอกถึงความฉลาดเฉลียว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันสมองของเขาจะถูกเก็บกัก การเติบโตพร้อมกับน้องชายที่ดูจะมีอะไรดีกว่าเขาทั้งหมด ไม่ได้สร้างปมในใจเขาเลยสักนิด กลับผลักดันให้เขาสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่เสียอีก การถูกเลี้ยงดูในครอบครัวของนักการศึกษามีส่วนให้บอห์รคิดเป็นอย่างมาก ที่บ้านของเขาทุกครั้งที่มี การถกเถียงทางวิชาการหลังมื้ออาหาร ทั้งสองพี่น้องบอห์รจะถูกบังคับให้นั่งฟังเงียบ อยู่ร่วมฟังแต่ห้ามออกเสียงไม่ว่าจะถาม หรือแสดงความคิดเห็น นี่คือแรงผลักอีกประการ ที่ทำให้บอห์รผู้พี่ต้องเป็นนักคิด ด้วยลักษณะที่ร่างกายไม่กระฉับกระเฉง ทุกครั้งที่ทำการทดลอง นีลส์ บอห์ร มักทำหลอดแก้ว เครื่องมือทดลองทั้งหลายแตกหักอยู่เสมอ และนี่นับเป็นประการหนึ่งในปัจจัยที่บอห์รสร้างทฤษฎีควอนตัมได้จากความขัดแย้งและกำกวม
|
|
|
|
mongkhonphan
|
 |
« ตอบ #142 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 08:35:24 pm » |
|
นายมงคลพันธ์ แซ่หลี วิศวกรรมโยธา รหัส 115330411039-4 sec.04 เลขที่ 32 เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 10/02/2554 เวลา 20.34 น. ที่ หอลากูน แบบจำลองอะตอมของบอร์ ค.ศ. 1913 บอร์ (Niels Bohr) ได้ใช้อะตอมของไฮโดรเจนเป็นแบบจำลองของอะตอม อะตอมของไฮโดรเจนมีโปรตอนเป็นนิวเคลียส 1 ตัว และมีอิเล็กตรอนโคจรรอบนิวเคลียส 1 ตัว บอร์ได้ตั้งสมมติฐานโดยอาศัยแนวความคิดจากทฤษฎีควอนตัมอธิบายโครงสร้างของไฮโดรเจนและการเกิดสเปกตรัมของไฮโดรเจนได้ชัดเจน สมมติฐานของเขามีดังนี้ 1.อิเล็กตรอนของอะตอมมีได้หลายวงโคจร อิเล็กตรอนจะอยู่ในวงเหล่านี้ได้โดยไม่แผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โมเมินตัมเชิงมุมของวงจรมีค่าไม่ต่อเนื่อง มีค่าเป็นจำนวนเต็มของ h/2พาย เรียกสถานะคงตัว
|
|
|
|
Thamanoon
|
 |
« ตอบ #143 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 09:27:59 pm » |
|
ผมนายธรรมนูญ พุทธวงษ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมโยธา sec 04 รหัส 115330411009-7 เลขที่ 9 เรียนกับ อ. จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2554 ที่บ้านเช่า ซอยอีสเทิร์น เวลา 21.28 น. มีความเห็นว่า หลักการของบอห์ร ที่สะท้อนมโนภาพนี้อย่างชัดเจนคือ ทฤษฎีความคล้องจอง (Correspondence Theory) และการเติมเต็ม (Principle of Complementarity) ซึ่งทั้งคู่เน้นความคล้ายกันแม้จะอยู่ใต้ความแตกต่างกัน นีลส์ บอห์ร เข้าใจมโนภาพของความกำกวม ณ ระดับลึกซึ้งที่สุด และงานของเขานี้ได้ค้นหาทางแก้ไขความกำกวมนี้ไปสู่ความกลมกลืนกันได้อย่างยิ่งใหญ่จากวัยเด็กที่ดูเหมือนบอห์รจะมีบุคลิกภาพขัดแย้งกับความเป็นอัจฉริยะของตนเอง ภาพวัยรุ่นตัวใหญ่ขี้อายใส่เสื้อลงแป้งแข็ง แก้มย้อยริมฝีปากหนา ท่าทางออกจะซุ่มซ่าม ไม่ได้บ่งบอกถึงความฉลาดเฉลียว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันสมองของเขาจะถูกเก็บกัก การเติบโตพร้อมกับน้องชายที่ดูจะมีอะไรดีกว่าเขาทั้งหมด ไม่ได้สร้างปมในใจเขาเลยสักนิด กลับผลักดันให้เขาสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่เสียอีก การถูกเลี้ยงดูในครอบครัวของนักการศึกษามีส่วนให้บอห์รคิดเป็นอย่างมาก
|
|
|
|
ratthasart
|
 |
« ตอบ #144 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 10:57:35 pm » |
|
ผมนายรัฐศาสตร์ ไชยโส นักศึกษาภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ-การจัดการ sec.4 รหัส 115330441218-8 เลขที่ 61 เรียนกับ ผศ.จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 23.03น. ที่ ห้องพัก มีความคิดเห็นว่า หลักการของบอห์ร ที่สะท้อนมโนภาพนี้อย่างชัดเจนคือ ทฤษฎีความคล้องจอง (Correspondence Theory) และการเติมเต็ม (Principle of Complementarity) ซึ่งทั้งคู่เน้นความคล้ายกันแม้จะอยู่ใต้ความแตกต่างกัน นีลส์ บอห์ร เข้าใจมโนภาพของความกำกวม ณ ระดับลึกซึ้งที่สุด และงานของเขานี้ได้ค้นหาทางแก้ไขความกำกวมนี้ไป สู่ความกลมกลืนกันได้อย่าง ยิ่งใหญ่จากวัยเด็กที่ดูเหมือนบอห์รจะมีบุคลิกภาพขัดแย้งกับความเป็น อัจฉริยะของตนเอง ภาพวัยรุ่นตัวใหญ่ขี้อายใส่เสื้อลงแป้งแข็ง แก้มย้อย ริม ฝีปากหนา ท่าทางออกจะซุ่มซ่าม ไม่ได้บ่งบอกถึงความฉลาดเฉลียว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันสมองของเขาจะถูกเก็บกัก การเติบโตพร้อมกับน้องชายที่ดูจะมีอะไร ดีกว่าเขาทั้งหมดไม่ได้สร้างปมในใจ เขาเลยสักนิด กลับผลักดันให้เขาสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่เสียอีก การถูกเลี้ยงดูในครอบครัวของนักการศึกษามีส่วนให้บอห์รคิดเป็นอย่างมาก
|
|
|
|
aek cve rmutt
|
 |
« ตอบ #145 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2011, 03:30:26 am » |
|
นาย เอกชัย เสียงล้ำ 115330411046-9 sec 4 วิศวกรรมโยธา กลุ่ม 53341 เวลา 3.30 นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจศึกษาและเจาะลึกข้อมูลที่มาจากสเปกตรัมของไฮโดรเจนอะตอมมากเป็นพิเศษ มากกว่าอะตอมของธาตุอื่น เพราะแม้ดวงอาทิตย์มีธาตุชนิดต่างๆจำนวนมากมาย แต่ธาตุที่พบมากที่สุด คือ ธาตุไฮโดรเจน ชั้นบรรยากาศบนดวงอาทิตย์เพียง 2 ชั้นเท่านั้นที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ คือ ชั้นโฟโตสเฟียร์กับชั้นโครโมสเฟียร์ เป็นชั้นบรรยากาศที่เย็นเพียงพอสำหรับธาตุไฮโดรเจนที่สามารถมีอยู่ได้ในรูปอะตอม และตรงนี้นี่เองที่เรามองเห็นสเปกตรัมการดูดกลืนและการคายคลื่นแสงของไฮโดรเจนอะตอม
|
|
|
|
kangsachit
|
 |
« ตอบ #146 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2011, 03:54:37 am » |
|
นายกังสชิต จิโน รหัส115330411017-0 นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาตร์ สาขาวิศวกรรมโยธา เลขที่ 14 sec.4 เรียนกับอาจารย์ จรัส บุณยธรรมา วันที่ 11/02/2554 เวลา 03.54 น. สถานที่ มาลีแมนชั่น นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจศึกษาและเจาะลึกข้อมูลที่มาจากสเปกตรัมของไฮโดรเจนอะตอมมากเป็นพิเศษ มากกว่าอะตอมของธาตุอื่น เพราะแม้ดวงอาทิตย์มีธาตุชนิดต่างๆจำนวนมากมาย แต่ธาตุที่พบมากที่สุด คือ ธาตุไฮโดรเจน ชั้นบรรยากาศบนดวงอาทิตย์เพียง 2 ชั้นเท่านั้นที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ คือ ชั้นโฟโตสเฟียร์กับชั้นโครโมสเฟียร์ เป็นชั้นบรรยากาศที่เย็นเพียงพอสำหรับธาตุไฮโดรเจนที่สามารถมีอยู่ได้ในรูปอะตอม และตรงนี้นี่เองที่เรามองเห็นสเปกตรัมการดูดกลืนและการคายคลื่นแสงของไฮโดรเจนอะตอม
|
|
|
|
Suphakorn
|
 |
« ตอบ #147 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2011, 05:10:45 am » |
|
กระผมนาย สุภากร หงษ์โต นศ.คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ-การจัดการ รหัสนักศึกษา 115330441211-3 Sec.04 เรียนกับอาจารย์ จรัส บุณยธรรมา ตอบกระทู้วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 05.10 น. ที่หอพัก gooddream มีความคิดเห็นว่า นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจศึกษาและเจาะลึกข้อมูลที่มาจากสเปกตรัมของไฮโดรเจนอะตอมมากเป็นพิเศษ มากกว่าอะตอมของธาตุอื่น เพราะแม้ดวงอาทิตย์มีธาตุชนิดต่างๆจำนวนมากมาย แต่ธาตุที่พบมากที่สุด คือ ธาตุไฮโดรเจน ชั้นบรรยากาศบนดวงอาทิตย์เพียง 2 ชั้นเท่านั้นที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ คือ ชั้นโฟโตสเฟียร์กับชั้นโครโมสเฟียร์ เป็นชั้นบรรยากาศที่เย็นเพียงพอสำหรับธาตุไฮโดรเจนที่สามารถมีอยู่ได้ในรูปอะตอม และตรงนี้นี่เองที่เรามองเห็นสเปกตรัมการดูดกลืนและการคายคลื่นแสงของไฮโดรเจนอะตอม
|
|
|
|
pisan mulchaisuk
|
 |
« ตอบ #148 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2011, 07:04:27 am » |
|
กระผมนาย ไพศาล มูลชัยสุข นศ.คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ-การจัดการ รหัสนักศึกษา 115330441215-4 Sec.04 เรียนกับอาจารย์ จรัส บุณยธรรมา ตอบกระทู้วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 6.59 น. ที่หอพักเลิศวิจิตร มีความคิดเห็นว่า หลักการของบอห์ร ที่สะท้อนมโนภาพนี้อย่างชัดเจนคือ ทฤษฎีความคล้องจอง (Correspondence Theory) และการเติมเต็ม (Principle of Complementarity) ซึ่งทั้งคู่เน้นความคล้ายกันแม้จะอยู่ใต้ความแตกต่างกัน นีลส์ บอห์ร เข้าใจมโนภาพของความกำกวม ณ ระดับลึกซึ้งที่สุด และงานของเขานี้ได้ค้นหาทางแก้ไขความกำกวมนี้ไปสู่ความกลมกลืนกันได้อย่างยิ่งใหญ่จากวัยเด็กที่ดูเหมือนบอห์รจะมีบุคลิกภาพขัดแย้งกับความเป็นอัจฉริยะของตนเอง ภาพวัยรุ่นตัวใหญ่ขี้อายใส่เสื้อลงแป้งแข็ง แก้มย้อยริมฝีปากหนา ท่าทางออกจะซุ่มซ่าม ไม่ได้บ่งบอกถึงความฉลาดเฉลียว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันสมองของเขาจะถูกเก็บกัก การเติบโตพร้อมกับน้องชายที่ดูจะมีอะไรดีกว่าเขาทั้งหมด ไม่ได้สร้างปมในใจเขาเลยสักนิด กลับผลักดันให้เขาสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่เสียอีก การถูกเลี้ยงดูในครอบครัวของนักการศึกษามีส่วนให้บอห์รคิดเป็นอย่างมาก
|
|
|
|
mypomz
|
 |
« ตอบ #149 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2011, 09:52:53 am » |
|
นายนพรัตน์ โตอิ่ม คณะวิศวกรรมโยธา รหัส 115330411040-2 เลขที่ 33 sec 4 ตอบกระทู้วันที่ 11 ก.พ. 54 เวลา 9.52 สถานที่ หอพัก
หลักการของบอห์ร ที่สะท้อนมโนภาพนี้อย่างชัดเจนคือ ทฤษฎีความคล้องจอง (Correspondence Theory) และการเติมเต็ม (Principle of Complementarity) ซึ่งทั้งคู่เน้นความคล้ายกันแม้จะอยู่ใต้ความแตกต่างกัน นีลส์ บอห์ร เข้าใจมโนภาพของความกำกวม ณ ระดับลึกซึ้งที่สุด และงานของเขานี้ได้ค้นหาทางแก้ไขความกำกวมนี้ ไปสู่ความกลมกลืนกันได้อย่างยิ่งใหญ่จากวัยเด็กที่ดูเหมือนบอห์รจะมีบุคลิกภาพขัดแย้งกับความเป็นอัจฉริยะของตนเอง ภาพวัยรุ่นตัวใหญ่ขี้อายใส่เสื้อลงแป้งแข็ง แก้มย้อย ริมฝีปากหนา ท่าทางออกจะซุ่มซ่าม ไม่ได้บ่งบอกถึงความฉลาดเฉลียว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันสมองของเขาจะถูกเก็บกัก การเติบโตพร้อมกับน้องชายที่ดูจะมีอะไรดีกว่าเขาทั้งหมด ไม่ได้สร้างปมในใจเขาเลยสักนิด กลับผลักดันให้เขาสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่เสียอีก การถูกเลี้ยงดูในครอบครัวของนักการศึกษามีส่วนให้บอห์รคิดเป็นอย่างมาก
|
|
|
|
|