suchart
|
 |
« ตอบ #90 เมื่อ: มกราคม 19, 2011, 11:41:40 pm » |
|
นาย สุชาติ สุวรรณวัฒน์ นศ.คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ รหัสนักศึกษา 115210441230-7 เลขที่ 31 Sec.01 เรียนกับอาจารย์ จรัส บุณยธรรมา วันที่ 19/01/2554 สถานที่ หอพัก เวลา 23.42 น. หลักการพื้นฐานของเครื่องรับส่งสัญญาณวิทยุ คือ ครื่องส่งแปลงข้อมูล ที่เป็นเสียง ภาพ ให้เป็นคลื่นรูปไซน์ และแปลงออกเป็นสัญญาณวิทยุส่งออกไปในอากาศ เครื่องรับจะรับสัญญาณวิทยุ และแปลงสัญญาณกลับไปเป็นเสียง และภาพ ทั้งเครื่องส่งและเครื่องรับใช้เสาอากาศในการแผ่และรับสัญญาณวิทยุ การรับส่งสัญญาณจะมี เสาอากาศของเครื่องรับ จะรับสัญญาณจากเครื่องส่งวิทยุ สายอากาศของเครื่องรับแบบ AM เป็นสายไฟธรรมดา หรือแท่งโลหะก็ได้ ตัวจูนเนอร์ มีหน้าที่เลือกสัญญาณความถี่เดียวจากเสาอากาศ ในกรณีของตัวอย่างบน ตัวจูนเนอร์ จะรับสัญญาณความถี่ 680,000 เฮิรตซ์ หลักพื้นฐานของจูนเนอร์ คือ การเรโซแนนท์ หรือการกำทอน ซึ่งเกิดขึ้นที่ความถี่ค่าที่เราจูนไปหา การจูนก็คือการปรับค่าตัวเก็บประจุ และตัวเหนี่ยวนำ ให้เกิดการกำทอนที่ความถี่ตรงสถานีที่ต้องการฟัง ในที่นี้คือ 680 กิโลเฮิรตซ์
|
|
|
|
ยุพารัตน์ หยิบยก
|
 |
« ตอบ #91 เมื่อ: มกราคม 19, 2011, 11:42:54 pm » |
|
นางสาวยุพารัตน์ หยิบยก นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาวิชาคณิตศาสตร์ sec2 รหัสประจำตัว 115110901011-6 เรียนกับอาจารย์จรัส บุณยธรรมา
หลักการพื้นฐานของเครื่องรับส่งสัญญาณวิทยุ คือ เครื่องส่งแปลงข้อมูล ที่เป็นเสียง ภาพ ให้เป็นคลื่นรูปไซน์ และแปลงออกเป็นสัญญาณวิทยุส่งออกไปในอากาศ เครื่องรับจะรับสัญญาณวิทยุ และแปลงสัญญาณกลับไปเป็นเสียง และภาพ ทั้งเครื่องส่งและเครื่องรับใช้เสาอากาศในการแผ่และรับสัญญาณวิทยุ การรับส่งสัญญาณจะมีเสาอากาศของเครื่องรับ จะรับสัญญาณจากเครื่องส่งวิทยุ สายอากาศของเครื่องรับแบบ AM เป็นสายไฟธรรมดา หรือแท่งโลหะก็ได้ ตัวจูนเนอร์ มีหน้าที่เลือกสัญญาณความถี่เดียวจากเสาอากาศ ในกรณีของตัวอย่างบน ตัวจูนเนอร์ จะรับสัญญาณความถี่ 680,000 เฮิรตซ์ หลักพื้นฐานของจูนเนอร์ คือ การเรโซแนนท์ หรือการกำทอน ซึ่งเกิดขึ้นที่ความถี่ค่าที่เราจูนไปหา การจูนก็คือการปรับค่าตัวเก็บประจุ และตัวเหนี่ยวนำ ให้เกิดการกำทอนที่ความถี่ตรงสถานีที่ต้องการฟัง
|
|
|
|
Monthon
|
 |
« ตอบ #92 เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 12:09:32 am » |
|
กระผม นายมณฑล รินชุมภู นักศึกษาคณะ วิศวกรรมศาตร์ สาขา อุตสาหการ-การจัดการ (สมทบ) SEC.17 รหัสประจำตัว 115340441206-2 เลขที่ 16 เรียนกับอาจารย์ จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 20 เดือน มกราคม พศ.2554 เวลา 00.09น. สถานที่ บ้านพักที่วังน้อย
สรุปได้ว่า คุณสามารถสร้างสัญญาณวิทยุ โดยที่เครื่องรับวิทยุ AM สามารถรับได้โดย - หาแบตเตอรี่ 9 โวลต์ และเหรียญบาทหนึ่งเหรียญ - หาวิทยุ AM สักเครื่อง และเปิดเครื่องไว้ - นำแบตเตอรี่ไปไว้ใกล้กับเสาอากาศวิทยุ และใช้เหรียญบาทแตะเข้ากับขั้วทั้งสองของแบต โดยใช้วิธีแตะเข้าออก - คุณจะได้ยินเสียงแคร็ก ในวิทยุ
|
|
|
|
sathian757
|
 |
« ตอบ #93 เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 12:37:47 am » |
|
นายชัยยันต์ นุยืนรัมย์ วิศวกรรมอุสาหการ-การจัดการ(สมทบ) รหัส 115340441215-3 Sec 17 เลขที่ 21 วันที่ 20/01/54 เวลา 00.36 สถานที่ ห้องนวนคร สรุปได้ว่า.... หลักการพื้นฐานของเครื่องรับส่งสัญญาณวิทยุ คือ เครื่องส่งแปลงข้อมูล ที่เป็นเสียง ภาพ ให้เป็นคลื่นรูปไซน์ และแปลงออกเป็นสัญญาณวิทยุส่งออกไปในอากาศ เครื่องรับจะรับสัญญาณวิทยุ และแปลงสัญญาณกลับไปเป็นเสียง และภาพ ทั้งเครื่องส่งและเครื่องรับใช้เสาอากาศในการแผ่และรับสัญญาณวิทยุ การรับส่งสัญญาณจะมี เสาอากาศของเครื่องรับ จะรับสัญญาณจากเครื่องส่งวิทยุ สายอากาศของเครื่องรับแบบ AM เป็นสายไฟธรรมดา หรือแท่งโลหะก็ได้ ตัวจูนเนอร์ มีหน้าที่เลือกสัญญาณความถี่เดียวจากเสาอากาศ ในกรณีของตัวอย่างบน ตัวจูนเนอร์ จะรับสัญญาณความถี่ 680,000 เฮิรตซ์ หลักพื้นฐานของจูนเนอร์ คือ การเรโซแนนท์ หรือการกำทอน ซึ่งเกิดขึ้นที่ความถี่ค่าที่เราจูนไปหา การจูนก็คือการปรับค่าตัวเก็บประจุ และตัวเหนี่ยวนำ ให้เกิดการกำทอนที่ความถี่ตรงสถานีที่ต้องการฟัง ในที่นี้คือ 680 กิโลเฮิรตซ์
|
|
|
|
Pratanporn
|
 |
« ตอบ #94 เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 06:25:58 am » |
|
นายประทานพร พูลแก้ว นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาวิชาสถิติประยุกต์ sec 02 เลขที่ 75 รหัส 115310903057-3 เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 20/01/2554 เวลา 06:22 สถานที่ บ้านของตนเอง แบตเตอรี่ กับเหรียญบาททำหน้าที่เป็นเครื่องส่งสัญญาณวิทยุได้ แต่ให้เสียงสัญญาณเป็นเสียงแคร็กๆเท่านั้นและการส่งทำได้ไม่ไกลนัก แต่ถ้าคุณเรียนรู้การส่งรหัสมอร์ส โดยการส่งเป็นสัญญาณสั้นและยาวสลับกันไป เมื่อกระแสไฟฟ้าผ่านเข้าไปในเสาอากาศมันจะสร้างสนามแม่เหล็กรอบเสาอากาศและส่งออกไปในอากาศสนามแม่เหล็กจะเหนี่ยวนำให้เกิดสนามไฟฟ้าและสนามไฟฟ้าจะเหนี่ยวนำให้เกิดสนามแม่เหล็ก กลับไปกลับมาและวิ่งออกไปในอากาศด้วยความเร็วเท่าแสงเรียกว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ทีเราเรียกว่า คลื่นวิทยุ
|
|
|
|
Chanon_non26
|
 |
« ตอบ #95 เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 10:18:49 am » |
|
นายชานนท์ พงษ์ไพรโรจน์ เลขที่ 52 sec 02 id:;115310903029-2 นศ.คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาสถิติประยุกต์ เวลา 10.17 น. วันที่ 20-1-54 มทร.ธัญบุรี สรุปได้ว่า เครื่องรับวิทยุ AM มีขั้นตอนการรับสัญญาณ คือ 1. เสาอากาศของเครื่องรับ จะรับสัญญาณจากเครื่องส่งวิทยุ สายอากาศของเครื่องรับแบบ AM เป็นสายไฟธรรมดา หรือแท่งโลหะก็ได้ 2. ตัวจูนเนอร์ มีหน้าที่เลือกสัญญาณความถี่เดียวจากเสาอากาศ กรณีตัวอย่างบน ตัวจูนเนอร์ จะรับสัญญาณความถี่ 680,000 เฮิรตซ์ 3. หลักพื้นฐานของจูนเนอร์ คือ การเรโซแนนท์ หรือการกำทอน ซึ่งเกิดขึ้นที่ความถี่ค่าที่เราจูนไปหา ในที่นี้คือ 680 กิโลเฮิรตซ์
|
|
|
|
nachaya
|
 |
« ตอบ #96 เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 12:29:57 pm » |
|
ผมนาย ณชย ประสพเนตร์ นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ sec 4 เลขที่ 49 เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 20 มกราคม 2554 เวลา 12.30 น. ที่ บ้าน เรียนกับ ผศ.จรัส บุณยธรรมา มีความคิดเห็นว่า
การแตะขั้วของแบต 9 โวลต์ด้วยเหรียญ คุณสามารถสร้างสัญญาณวิทยุ โดยที่เครื่องรับวิทยุ AM สามารถรับได้ หรือ จะต่อสายไฟจากขั้วของแบตทั้งสอง และแตะสายไฟทั้งสอง ใกล้เครื่องรับวิทยุ AM คุณก็ได้ยินเสียงแคร็กๆอีกเหมือนกัน แต่ถ้าทดลองในห้องที่มืด ขณะที่แตะสายไฟ คุณจะเห็นประกายไฟวาบขึ้น
|
|
|
|
thanathammarat
|
 |
« ตอบ #97 เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 12:39:27 pm » |
|
นายปรัชญาพล ธนาธรรมรัตน์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาอุตสาหการ-การจัดการ sec.17 เลขที่ 14 รหัสประจำตัว115340441204-7 ตอบกระทู้วันที่ 20-01-2554 เวลา 12:39 น. สถานที่ บริษัท Siam lemmerz เนื้อหาสรุปได้ว่า... แบตเตอรี่ กับเหรียญบาททำหน้าที่เป็นเครื่องส่งสัญญาณวิทยุได้ แต่ให้เสียงสัญญาณเป็นเสียงแคร็กๆเท่านั้น และการส่งทำได้ไม่ไกลนัก ด้วยการแตะขั้วของแบต 9 โวลต์ด้วยเหรียญ คุณสามารถสร้างสัญญาณวิทยุ โดยที่เครื่องรับวิทยุ AM สามารถรับได้ หลักการพื้นฐาน วิทยุใช้สัญญาณคลื่นรูปไซน์ เพื่อส่งข้อมูลข่าวสาร (เสียง ภาพ และข้อมูล) เรียกว่า เครื่องส่งสัญญาณวิทยุ แต่ละอันใช้ความถี่แตกต่างกัน สามารถแบ่งออกเป็นสองส่วนใหญ่ดังนี้ - เครื่องส่ง - เครื่องรับ
|
|
|
|
PoxyDonZ
|
 |
« ตอบ #98 เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 12:41:12 pm » |
|
นาย สุรศักดิ์ ด้วงใจจิตร รหัส 115330411036-0 วิศวกรรมโยธา เวลา 12.41 am. วันที่ 20 ม.ค. 54 สถานที่ หอร์ โฟร์บี 2
หลักการพื้นฐานของเครื่องรับส่งสัญญาณวิทยุ คือ ครื่องส่งแปลงข้อมูล ที่เป็นเสียง ภาพ ให้เป็นคลื่นรูปไซน์ และแปลงออกเป็นสัญญาณวิทยุส่งออกไปในอากาศ เครื่องรับจะรับสัญญาณวิทยุ และแปลงสัญญาณกลับไปเป็นเสียง และภาพ ทั้งเครื่องส่งและเครื่องรับใช้เสาอากาศในการแผ่และรับสัญญาณวิทยุ การรับส่งสัญญาณจะมี เสาอากาศของเครื่องรับ จะรับสัญญาณจากเครื่องส่งวิทยุ สายอากาศของเครื่องรับแบบ AM เป็นสายไฟธรรมดา หรือแท่งโลหะก็ได้ ตัวจูนเนอร์ มีหน้าที่เลือกสัญญาณความถี่เดียวจากเสาอากาศ ในกรณีของตัวอย่างบน ตัวจูนเนอร์ จะรับสัญญาณความถี่ 680,000 เฮิรตซ์ หลักพื้นฐานของจูนเนอร์ คือ การเรโซแนนท์ หรือการกำทอน ซึ่งเกิดขึ้นที่ความถี่ค่าที่เราจูนไปหา การจูนก็คือการปรับค่าตัวเก็บประจุ และตัวเหนี่ยวนำ ให้เกิดการกำทอนที่ความถี่ตรงสถานีที่ต้องการฟัง ในที่นี้คือ 680 กิโลเฮิรตซ์
|
|
|
|
namtan
|
 |
« ตอบ #99 เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 12:43:46 pm » |
|
ดิฉัน นางสาวณัชชา ธิติบุญจันทร์ นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมอาหาร sec02 รหัสประจำตัว115210417055-8 เลขที่ 27 เรียนกับอาจารย์จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 20 เดือน มกราคม พ.ศ. 2554 ที่หอพักโอนิน3 เวลา 12.43น. ความรู้จากเนื้อหาที่ได้คือ หลักการพื้นฐานของเครื่องรับส่งสัญญาณวิทยุ คือ ครื่องส่งแปลงข้อมูล ที่เป็นเสียง ภาพ ให้เป็นคลื่นรูปไซน์ และแปลงออกเป็นสัญญาณวิทยุส่งออกไปในอากาศ เครื่องรับจะรับสัญญาณวิทยุ และแปลงสัญญาณกลับไปเป็นเสียง และภาพ ทั้งเครื่องส่งและเครื่องรับใช้เสาอากาศในการแผ่และรับสัญญาณวิทยุ การรับส่งสัญญาณจะมี เสาอากาศของเครื่องรับ จะรับสัญญาณจากเครื่องส่งวิทยุ สายอากาศของเครื่องรับแบบ AM เป็นสายไฟธรรมดา หรือแท่งโลหะก็ได้ ตัวจูนเนอร์ มีหน้าที่เลือกสัญญาณความถี่เดียวจากเสาอากาศ ในกรณีของตัวอย่างบน ตัวจูนเนอร์ จะรับสัญญาณความถี่ 680,000 เฮิรตซ์ หลักพื้นฐานของจูนเนอร์ คือ การเรโซแนนท์ หรือการกำทอน ซึ่งเกิดขึ้นที่ความถี่ค่าที่เราจูนไปหา การจูนก็คือการปรับค่าตัวเก็บประจุ และตัวเหนี่ยวนำ ให้เกิดการกำทอนที่ความถี่ตรงสถานีที่ต้องการฟัง ในที่นี้คือ 680 กิโลเฮิรตซ์
|
|
|
|
00sunisa00
|
 |
« ตอบ #100 เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 01:32:34 pm » |
|
น.ส.สุนิศา ชมมิ สาขาสถิติ sec.2 เลขที่ 46 รหัส 115310903001-1 วันที่ 20/1/2554 เวลา 13.32 น. ณ ห้องสมุดคณะวิทยาศาสตร์ ยุคแรกๆที่มีการส่งวิทยุ ตัวส่งเรียกว่า สปาร์คคอยส์ มันจะสร้างประกายไฟฟ้าขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยแรงดันไฟฟ้าขนาด 20,000 โวลต์ ทำหน้าที่เหมือนกับหัวเทียนในรถยนต์ การแตะขั้วของแบต 9 โวลต์ด้วยเหรียญ สามารถสร้างสัญญาณวิทยุ โดยที่เครื่องรับวิทยุ AM สามารถรับได้
|
|
|
|
Jantira
|
 |
« ตอบ #101 เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 01:45:06 pm » |
|
นางสาวจันทิรา รัตนพันธุ์ นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาสถิติประยุกต์ sec2 รหัสประจำตัว 115310903042-5 เลขที่64 วันที่20/01/2554 เวลา13.44น. ณbanoffee สรุป หลักการพื้นฐานของเครื่องรับส่งสัญญาณวิทยุ คือ เครื่องส่งแปลงข้อมูล ที่เป็นเสียง ภาพ ให้เป็นคลื่นรูปไซน์ และแปลงออกเป็นสัญญาณวิทยุส่งออกไปในอากาศ เครื่องรับจะรับสัญญาณวิทยุ และแปลงสัญญาณกลับไปเป็นเสียง และภาพ ทั้งเครื่องส่งและเครื่องรับใช้เสาอากาศในการแผ่และรับสัญญาณวิทยุ การรับส่งสัญญาณจะมีเสาอากาศของเครื่องรับ จะรับสัญญาณจากเครื่องส่งวิทยุ สายอากาศของเครื่องรับแบบ AM เป็นสายไฟธรรมดา หรือแท่งโลหะก็ได้ ตัวจูนเนอร์ มีหน้าที่เลือกสัญญาณความถี่เดียวจากเสาอากาศ ในกรณีของตัวอย่างบน ตัวจูนเนอร์ จะรับสัญญาณความถี่ 680,000 เฮิรตซ์ หลักพื้นฐานของจูนเนอร์ คือ การเรโซแนนท์ หรือการกำทอน ซึ่งเกิดขึ้นที่ความถี่ค่าที่เราจูนไปหา การจูนก็คือการปรับค่าตัวเก็บประจุ และตัวเหนี่ยวนำ ให้เกิดการกำทอนที่ความถี่ตรงสถานีที่ต้องการฟัง
|
|
|
|
wirinya
|
 |
« ตอบ #102 เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 01:49:31 pm » |
|
นางสาววิรินญา เกิดฉ่ำ นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาสถิติประยุกต์ sec. 02 เลขที่ 57 รหัส 11510903034-2 เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 20 ม.ค. 2554 สถานที่ หอนำรง 13.49 น.
ยุคแรกๆที่มีการส่งวิทยุ ตัวส่งเรียกว่า สปาร์คคอยส์ (spark coil ) แปลเป็นไทยได้ว่า คอยส์สร้างประกายไฟฟ้า มันจะสร้างประกายไฟฟ้าขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยแรงดันไฟฟ้าขนาด 20,000 โวลต์ ทำหน้าที่เหมือนกับหัวเทียนในรถยนต์ ปัจจุบันการส่งสัญญาณโดยการสปาร์คแบบนี้ เลิกใช้แล้ว และถือว่าผิดกฎหมายด้วย เพราะว่ามันไปรบกวนการส่งสัญญาณวิทยุอื่น แต่ในยุคเริ่มต้น มันเป็นอุปกรณ์ที่แสดงถึงการส่งวิทยุได้อย่างยอดเยี่ยม เครื่องส่งแปลงข้อมูล ที่เป็นเสียง ภาพ ให้เป็นคลื่นรูปไซน์ และแปลงออกเป็นสัญญาณวิทยุ ส่งออกไปในอากาศ เครื่องรับจะรับสัญญาณวิทยุ และแปลงสัญญาณกลับไปเป็นเสียง และภาพ ทั้งเครื่องส่งและเครื่องรับใช้เสาอากาศในการแผ่และรับสัญญาณวิทยุ
|
|
|
|
sarayut sringam
|
 |
« ตอบ #103 เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 02:19:23 pm » |
|
กระผมนายศรายุธ สีงาม นศ.วิศวกรรมอุตสาหการ-การจัดการ sec 4 รหัส 115330441201-4 เรียนกับ ผศ.จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 20 มกราคม 2554 ที่ ตึกวิทยบริการ เวลา 14.19น มีความคิดเห็นว่า แบตเตอรี่ กับเหรียญบาททำหน้าที่เป็นเครื่องส่งสัญญาณวิทยุได้ แต่ให้เสียงสัญญาณเป็นเสียงแคร็กๆเท่านั้นและการส่งทำได้ไม่ไกลนัก แต่ถ้าคุณเรียนรู้การส่งรหัสมอร์ส โดยการส่งเป็นสัญญาณสั้นและยาวสลับกันไป เมื่อกระแสไฟฟ้าผ่านเข้าไปในเสาอากาศมันจะสร้างสนามแม่เหล็กรอบเสาอากาศและส่งออกไปในอากาศสนามแม่เหล็กจะเหนี่ยวนำให้เกิดสนามไฟฟ้าและสนามไฟฟ้าจะเหนี่ยวนำให้เกิดสนามแม่เหล็ก กลับไปกลับมาและวิ่งออกไปในอากาศด้วยความเร็วเท่าแสงเรียกว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ทีเราเรียกว่า คลื่นวิทยุ
|
|
|
|
Suphakorn
|
 |
« ตอบ #104 เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 02:50:46 pm » |
|
กระผมนาย สุภากร หงษ์โต นศ.คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ-การจัดการ รหัสนักศึกษา 115330441211-3 Sec.04 เรียนกับอาจารย์ จรัส บุณยธรรมา ตอบกระทู้วันที่ 20 มกราคม 2554 เวลา 14.50 น. ที่หอพัก gooddream มีความคิดเห็นว่า คุณจะต่อสายไฟจากขั้วของแบตทั้งสอง และแตะสายไฟทั้งสอง ใกล้เครื่องรับวิทยุ AM คุณก็ได้ยินเสียงแคร็กๆอีกเหมือนกัน แต่ถ้าทดลองในห้องที่มืด ขณะที่แตะสายไฟ คุณจะเห็นประกายไฟวาบขึ้น ยุคแรกๆที่มีการส่งวิทยุ ตัวส่งเรียกว่า สปาร์คคอยส์ (spark coil ) แปลเป็นไทยได้ว่า คอยส์สร้างประกายไฟฟ้า มันจะสร้างประกายไฟฟ้าขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยแรงดันไฟฟ้าขนาด 20,000 โวลต์ ทำหน้าที่เหมือนกับหัวเทียนในรถยนต์ ปัจจุบันการส่งสัญญาณโดยการสปาร์คแบบนี้ เลิกใช้แล้ว และถือว่าผิดกฎหมายด้วย เพราะว่ามันไปรบกวนการส่งสัญญาณวิทยุอื่น แต่ในยุคเริ่มต้น มันเป็นอุปกรณ์ที่แสดงถึงการส่งวิทยุได้อย่างยอดเยี่ยม
|
|
|
|
KanitaSS
|
 |
« ตอบ #105 เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 02:53:57 pm » |
|
นางสาวคณิตา สุดจิตร์ นศ.คณะวิทยาศาสตร์สาขาสถิติประยุกต์ Sec2 รหัส115310903030-0เลขที่53เข้าทดสอบวันที่20/01/54 เวลา14.53 น.สถานที่บาน็อฟฟี่ เพลส สรุปได้ว่า แบตเตอรี่ กับเหรียญบาททำหน้าที่เป็นเครื่องส่งสัญญาณวิทยุได้ แต่ให้เสียงสัญญาณเป็นเสียงแคร็กๆเท่านั้นและการส่งทำได้ไม่ไกลนัก แต่ถ้าคุณเรียนรู้การส่งรหัสมอร์ส โดยการส่งเป็นสัญญาณสั้นและยาวสลับกันไป เมื่อกระแสไฟฟ้าผ่านเข้าไปในเสาอากาศมันจะสร้างสนามแม่เหล็กรอบเสาอากาศและส่งออกไปในอากาศสนามแม่เหล็กจะเหนี่ยวนำให้เกิดสนามไฟฟ้าและสนามไฟฟ้าจะเหนี่ยวนำให้เกิดสนามแม่เหล็ก กลับไปกลับมาและวิ่งออกไปในอากาศด้วยความเร็วเท่าแสงเรียกว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ทีเราเรียกว่า คลื่นวิทยุ
|
|
|
|
somphoch
|
 |
« ตอบ #106 เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 03:13:03 pm » |
|
นายสมโภชน์ จิกกรีนัย นักศึกษาภาควิชาวิศวอุตสาหการ-การจัดการ รหัส115340441247-6 sec.17 เลขที่ 34 เรียนกับอาจารย์จรัส บุญยธรรมมา ที่หอ เวลา 15.15น วันที่ 20 มกราคม 2554 แบตเตอรี่ กับเหรียญบาททำหน้าที่เป็นเครื่องส่งสัญญาณวิทยุได้ แต่ให้เสียงสัญญาณเป็นเสียงแคร็กๆเท่านั้นและการส่งทำได้ไม่ไกลนัก แต่ถ้าคุณเรียนรู้การส่งรหัสมอร์ส โดยการส่งเป็นสัญญาณสั้นและยาวสลับกันไป เมื่อกระแสไฟฟ้าผ่านเข้าไปในเสาอากาศมันจะสร้างสนามแม่เหล็กรอบเสาอากาศและส่งออกไปในอากาศสนามแม่เหล็กจะเหนี่ยวนำให้เกิดสนามไฟฟ้าและสนามไฟฟ้าจะเหนี่ยวนำให้เกิดสนามแม่เหล็ก กลับไปกลับมาและวิ่งออกไปในอากาศด้วยความเร็วเท่าแสงเรียกว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ทีเราเรียกว่า คลื่นวิทยุ
|
|
|
|
Nhamtoey
|
 |
« ตอบ #107 เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 03:57:58 pm » |
|
นางสาวเรวดี จันท้าว ภาควิชาวิศวกรรมโยธา รหัส 115330411006-3 เลขที่6 sec04 ตอบกระทู้เมื่อวันที่ 20/01/2554 เวลา 15.58 น. ที่ห้องสมุด มทร.ธัญบุรี แบตเตอรี่ กับเหรียญบาททำหน้าที่เป็นเครื่องส่งสัญญาณวิทยุได้ แต่ให้เสียงสัญญาณเป็นเสียงแคร็กๆเท่านั้น และการส่งทำได้ไม่ไกลนัก แต่ถ้าคุณเรียนรู้การส่งรหัสมอร์ส โดยการส่งเป็นสัญญาณสั้นและยาวสลับกันไป
|
|
|
|
Thamanoon
|
 |
« ตอบ #108 เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 06:12:43 pm » |
|
ผมนายธรรมนูญ พุทธวงษ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมโยธา รหัส 115330411009-7 เลขที่ 9 sec 04 เรียนกับ อ.จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 20/1/2554 ทีบ้านเช่า ซอยอีสเทิร์น เวลา18.12 น. สรุปได้ว่า คุณสามารถสร้างสัญญาณวิทยุ โดยที่เครื่องรับวิทยุ AM สามารถรับได้โดย - หาแบตเตอรี่ 9 โวลต์ และเหรียญบาทหนึ่งเหรียญ - หาวิทยุ AM สักเครื่อง และเปิดเครื่องไว้ - นำแบตเตอรี่ไปไว้ใกล้กับเสาอากาศวิทยุ และใช้เหรียญบาทแตะเข้ากับขั้วทั้งสองของแบต โดยใช้วิธีแตะเข้าออก - คุณจะได้ยินเสียงแคร็ก ในวิทยุ
|
|
|
|
opisit
|
 |
« ตอบ #109 เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 06:23:47 pm » |
|
กระผม นาย พิสิทธิ์ สอนเทศ นักศึกษาคณะ วิศวกรรมศาสตร์ sec 17 รหัสประจำตัว 115340441207-0 เรียนกับอาจารย์ ผ.ศ. จรัส บุณยธรรม เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 20 เดือน มกราคม พ.ศ. 2554 ที่บ้าน เวลา 18:15 น. มีความเห็นว่า/มีข้อคิดเห็นว่า/ความรู้จากเนื้อหาที่ได้ คือ วิทยุสมัยใหม่ ใช้สัญญาณคลื่นรูปไซน์ เพื่อส่งข้อมูลข่าวสาร (เสียง ภาพ และข้อมูล) ปัจจุบันมีการใช้สัญญาณจากเครื่องส่งมากมายหลายร้อยเครื่อง ถ้าคุณมีตาพิเศษสามารถเห็นสัญญาณวิทยุได้คุณจะได้เห็นสัญญาณพวกนี้วิ่งผ่านตัวคุณวุ่นวายไปหมด เช่น AM และ FM ทีวีผ่านดาวเทียม วิทยุมือถือ และระบบ GPS เป็นต้น สัญญาณวิทยุแต่ละอันใช้ความถี่แตกต่างกัน สามารถแบ่งออกเป็นสวนใหญ่ดังนี้ เครื่องส่ง และเครื่องรับ
|
|
|
|
sangtawee
|
 |
« ตอบ #110 เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 06:31:26 pm » |
|
นายแสงทวี พรมบุตร คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาโยธา รหัส 1153304110035-2 sec 4 เลขที่ 29 เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 20/01/54 เวลา 18.31 น. ที่ห้องสมุด มทร. ยุคแรกๆที่มีการส่งวิทยุ ตัวส่งเรียกว่า สปาร์คคอยส์ (spark coil ) แปลเป็นไทยได้ว่า คอยส์สร้างประกายไฟฟ้า มันจะสร้างประกายไฟฟ้าขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยแรงดันไฟฟ้าขนาด 20,000 โวลต์ ทำหน้าที่เหมือนกับหัวเทียนในรถยนต์ ปัจจุบันการส่งสัญญาณโดยการสปาร์คแบบนี้ เลิกใช้แล้ว และถือว่าผิดกฎหมายด้วย เพราะว่ามันไปรบกวนการส่งสัญญาณวิทยุอื่น แต่ในยุคเริ่มต้น มันเป็นอุปกรณ์ที่แสดงถึงการส่งวิทยุได้อย่างยอดเยี่ยม จากที่ผ่านมาเราสามารถเข้าใจหลักการพื้นฐานของวิทยุได้ระดับหนึ่ง แม้จะเป็นสัญญาณที่ฟังไม่รู้เรื่องก็ตาม วิทยุสมัยใหม่ ใช้สัญญาณคลื่นรูปไซน์ เพื่อส่งข้อมูลข่าวสาร (เสียง ภาพ และข้อมูล) ปัจจุบันมีการใช้สัญญาณจากเครื่องส่งมากมายหลายร้อยเครื่อง ถ้าคุณมีตาพิเศษ สามารถเห็นสัญญาณวิทยุได้ คุณจะได้เห็นสัญญาณพวกนี้วิ่งผ่านตัวคุณวุ่นวายไปหมด เช่น วิทยุ AM และ FM ทีวีผ่านดาวเทียม วิทยุมือถือ และระบบ GPS เป็นต้น สัญญาณวิทยุ แต่ละอันใช้ความถี่แตกต่างกัน แต่ไม่ว่าอย่างไร สามารถแบ่งออกเป็นสองส่วนใหญ่ดังนี้ -เครื่องส่ง -เครื่องรับ เครื่องส่งแปลงข้อมูล ที่เป็นเสียง ภาพ ให้เป็นคลื่นรูปไซน์ และแปลงออกเป็นสัญญาณวิทยุ ส่งออกไปในอากาศ เครื่องรับจะรับสัญญาณวิทยุ และแปลงสัญญาณกลับไปเป็นเสียง และภาพ ทั้งเครื่องส่งและเครื่องรับใช้เสาอากาศในการแผ่และรับสัญญาณวิทยุ
|
|
|
|
heetoon
|
 |
« ตอบ #111 เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 07:09:10 pm » |
|
นายราชันย์ บุตรชน นศ.วิศวกรรมโยธา รหัส 115330411047-7 Sec 4 ตอบกระทู้วันที่ 20/01/54 เวลา 19.09 น. ณ. Four B4
วิทยุสมัยใหม่ ใช้สัญญาณคลื่นรูปไซน์ เพื่อส่งข้อมูลข่าวสาร (เสียง ภาพ และข้อมูล) ปัจจุบันมีการใช้สัญญาณจากเครื่องส่งมากมายหลายร้อยเครื่อง ถ้าุคุณมีตาพิเศษสามารถเห็นสัญญาณวิทยุได้คุณจะได้เห็นสัญญาณพวกนี้วิ่งผ่านตัวคุณวุ่นวายไปหมด เช่น AM และ FM ทีวีผ่านดาวเทียม วิทยุมือถือ และระบบ GPS เป็นต้น สัญญาณวิทยุแต่ละอันใช้ความถี่แตกต่างกัน สามารถแบ่งออกเป็นสวนใหญ่ดังนี้ เครื่องส่ง และเครื่องรับ
|
|
|
|
ณัฐพงษ์ สันทะ
|
 |
« ตอบ #112 เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 07:44:14 pm » |
|
กระผม นาย ณัฐพงษ์ สันทะ นักศึกษาคณะ วิศวกรรมอุตสาหการ - การจัดการ sec 4 รหัสประจำตัว 115330441216-2 เรียนกับอาจารย์ ผศ.จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่_20 เดือน_01 พศ_2554 ที่(ชื่อหอพัก/ชื่อบ้านพัก)_ประสงค์ เวลา_19.43 มีความเห็นว่า/มีข้อคิดเห็นว่า/ความรู้จากเนื้อหาที่ได้ คือ
วิทยุสมัยใหม่ ใช้สัญญาณคลื่นรูปไซน์ เพื่อส่งข้อมูลข่าวสาร (เสียง ภาพ และข้อมูล) ปัจจุบันมีการใช้สัญญาณจากเครื่องส่งมากมายหลายร้อยเครื่อง ถ้าุคุณมีตาพิเศษสามารถเห็นสัญญาณวิทยุได้คุณจะได้เห็นสัญญาณพวกนี้วิ่งผ่านตัวคุณวุ่นวายไปหมด เช่น AM และ FM ทีวีผ่านดาวเทียม วิทยุมือถือ และระบบ GPS เป็นต้น สัญญาณวิทยุแต่ละอันใช้ความถี่แตกต่างกัน สามารถแบ่งออกเป็นสวนใหญ่ดังนี้ เครื่องส่ง และเครื่องรับ
|
|
|
|
civil kang
|
 |
« ตอบ #113 เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 08:08:59 pm » |
|
นาย สราวุฒิ ดีดวงพันธ์ 115330411028-7 sec 4 วิศวกรรมโยธา วันที่ 20/1/2554 20:08 แบตเตอรี่ กับเหรียญบาททำหน้าที่เป็นเครื่องส่งสัญญาณวิทยุได้ แต่ให้เสียงสัญญาณเป็นเสียงแคร็กๆเท่านั้นและการส่งทำได้ไม่ไกลนัก แต่ถ้าคุณเรียนรู้การส่งรหัสมอร์ส โดยการส่งเป็นสัญญาณสั้นและยาวสลับกันไป เมื่อกระแสไฟฟ้าผ่านเข้าไปในเสาอากาศมันจะสร้างสนามแม่เหล็กรอบเสาอากาศและส่งออกไปในอากาศสนามแม่เหล็กจะเหนี่ยวนำให้เกิดสนามไฟฟ้าและสนามไฟฟ้าจะเหนี่ยวนำให้เกิดสนามแม่เหล็ก กลับไปกลับมาและวิ่งออกไปในอากาศด้วยความเร็วเท่าแสงเรียกว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ทีเราเรียกว่า คลื่นวิทยุ
|
|
|
|
Thaweesak
|
 |
« ตอบ #114 เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 08:18:48 pm » |
|
นาย ทวีศักดิ์ ธนทรัพย์ทวี วิศวกรรมโยธา รหัส 115330411008-9 sec04 เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 20/01/54 เวลา 20.18 น. ที่หอพัก มาลีแมนชั่น หลักการพื้นฐานของเครื่องรับส่งสัญญาณวิทยุ คือ ครื่องส่งแปลงข้อมูล ที่เป็นเสียง ภาพ ให้เป็นคลื่นรูปไซน์ และแปลงออกเป็นสัญญาณวิทยุส่งออกไปในอากาศ เครื่องรับจะรับสัญญาณวิทยุ และแปลงสัญญาณกลับไปเป็นเสียง และภาพ ทั้งเครื่องส่งและเครื่องรับใช้เสาอากาศในการแผ่และรับสัญญาณวิทยุ การรับส่งสัญญาณจะมี เสาอากาศของเครื่องรับ จะรับสัญญาณจากเครื่องส่งวิทยุ สายอากาศของเครื่องรับแบบ AM เป็นสายไฟธรรมดา หรือแท่งโลหะก็ได้ ตัวจูนเนอร์ มีหน้าที่เลือกสัญญาณความถี่เดียวจากเสาอากาศ ในกรณีของตัวอย่างบน ตัวจูนเนอร์ จะรับสัญญาณความถี่ 680,000 เฮิรตซ์ หลักพื้นฐานของจูนเนอร์ คือ การเรโซแนนท์ หรือการกำทอน ซึ่งเกิดขึ้นที่ความถี่ค่าที่เราจูนไปหา การจูนก็คือการปรับค่าตัวเก็บประจุ และตัวเหนี่ยวนำ ให้เกิดการกำทอนที่ความถี่ตรงสถานีที่ต้องการฟัง ในที่นี้คือ 680 กิโลเฮิรตซ์
|
|
|
|
bear
|
 |
« ตอบ #115 เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 08:37:52 pm » |
|
นาย อุดม แก้วชู 115330411034-5 เลขที่28 sec4 วิศวกรรมโยธา เวลา 20.37หอพักมณีโชติ หลักการพื้นฐานของเครื่องรับส่งสัญญาณวิทยุ คือ ครื่องส่งแปลงข้อมูล ที่เป็นเสียง ภาพ ให้เป็นคลื่นรูปไซน์ และแปลงออกเป็นสัญญาณวิทยุส่งออกไปในอากาศ เครื่องรับจะรับสัญญาณวิทยุ และแปลงสัญญาณกลับไปเป็นเสียง และภาพ ทั้งเครื่องส่งและเครื่องรับใช้เสาอากาศในการแผ่และรับสัญญาณวิทยุ การรับส่งสัญญาณจะมี เสาอากาศของเครื่องรับ จะรับสัญญาณจากเครื่องส่งวิทยุ สายอากาศของเครื่องรับแบบ AM เป็นสายไฟธรรมดา หรือแท่งโลหะก็ได้ ตัวจูนเนอร์ มีหน้าที่เลือกสัญญาณความถี่เดียวจากเสาอากาศ ในกรณีของตัวอย่างบน ตัวจูนเนอร์ จะรับสัญญาณความถี่ 680,000 เฮิรตซ์ หลักพื้นฐานของจูนเนอร์ คือ การเรโซแนนท์ หรือการกำทอน ซึ่งเกิดขึ้นที่ความถี่ค่าที่เราจูนไปหา การจูนก็คือการปรับค่าตัวเก็บประจุ และตัวเหนี่ยวนำ ให้เกิดการกำทอนที่ความถี่ตรงสถานีที่ต้องการฟัง ในที่นี้คือ 680 กิโลเฮิรตซ์
|
|
|
|
ponyotha
|
 |
« ตอบ #116 เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 08:43:34 pm » |
|
ผมนายวีรพล นุ่มน้อย รหัส115330411014-7 sec.4 เลขที่11 วิศวกรรมโยธา วันที่20/1/54 เวลา 20.42 น. อยู่เจริญแมนชั่น แบตเตอรี่ กับเหรียญบาท ทำหน้าที่เป็นเครื่องส่งสัญญาณวิทยุได้ แต่ให้สียงสัญญาณเป็นเสียงแคร็กๆเท่านั้น ทำการส่งได้ไกล แต่ถ้าเรียนรู้การส่งรหัสมอร์ส โดยการส่งเป็นสัญญาณสั้นและสลับกันไป คุณก็ใช้วิธีนี้ส่งสัญญาณได้ หรือจะต่อสายไฟจากขั้วของแบตทั้งสองและแตะสายไฟทั้งสองใกล้เครื่องรับวิทยุ AM ก็จะได้ยินเสียงเหมือนกัน แต่ถ้าทดลองในที่มืดขณะที่แตะสายไฟ จะเห็นประการไฟวาบขึ้น
|
|
|
|
wuttipong
|
 |
« ตอบ #117 เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 08:50:49 pm » |
|
กระผมนายวุฒิพงษ์ สุขะ เลขที่ 23 วิศวกรรมโยธา sec.04 รหัส 115330411029-5 เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 20/1/2554 เวลา 20:50 น. สถานที่หอพัก FourB5 สรุปได้ว่า วิทยุสมัยใหม่ ใช้สัญญาณคลื่นรูปไซน์ เพื่อส่งข้อมูลข่าวสาร (เสียง ภาพ และข้อมูล) ปัจจุบันมีการใช้สัญญาณจากเครื่องส่งมากมายหลายร้อยเครื่อง ถ้าคุณมีตาพิเศษสามารถเห็นสัญญาณวิทยุได้คุณจะได้เห็นสัญญาณพวกนี้วิ่งผ่านตัวคุณวุ่นวายไปหมด เช่น AM และ FM ทีวีผ่านดาวเทียม วิทยุมือถือ และระบบ GPS เป็นต้น สัญญาณวิทยุแต่ละอันใช้ความถี่แตกต่างกัน สามารถแบ่งออกเป็นสวนใหญ่ดังนี้ เครื่องส่ง และเครื่องรับ
|
|
|
|
oOGIG...k}
|
 |
« ตอบ #118 เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 10:14:21 pm » |
|
นาย ชำนาญกิจ ศิริยานนท์ วิศวกรรมโยธา 115330411004-8เลขที่ 4sec.04 วันที่ 20/1/54 เวลา10:13:45 pm ณ.ที่หอเศรษฐบุตร เครื่องรับวิทยุ AM มีขั้นตอนการรับสัญญาณ คือ 1. เสาอากาศของเครื่องรับ จะรับสัญญาณจากเครื่องส่งวิทยุ สายอากาศของเครื่องรับแบบ AM เป็นสายไฟธรรมดา หรือแท่งโลหะก็ได้ 2. ตัวจูนเนอร์ มีหน้าที่เลือกสัญญาณความถี่เดียวจากเสาอากาศ กรณีตัวอย่างบน ตัวจูนเนอร์ จะรับสัญญาณความถี่ 680,000 เฮิรตซ์ 3. หลักพื้นฐานของจูนเนอร์ คือ การเรโซแนนท์ หรือการกำทอน ซึ่งเกิดขึ้นที่ความถี่ค่าที่เราจูนไปหา ในที่นี้คือ 680 กิโลเฮิรตซ์
|
|
|
|
Meena
|
 |
« ตอบ #119 เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 10:43:23 pm » |
|
นายพสิษฐ์ แดงอาสา นศ.วิศวกรรมโยธา รหัส 115330411011-3 Sec 4 ณ บ้านเลขที่ 231/135
หลักการพื้นฐานของเครื่องรับส่งสัญญาณวิทยุ คือ ครื่องส่งแปลงข้อมูล ที่เป็นเสียง ภาพ ให้เป็นคลื่นรูปไซน์ และแปลงออกเป็นสัญญาณวิทยุส่งออกไปในอากาศ เครื่องรับจะรับสัญญาณวิทยุ และแปลงสัญญาณกลับไปเป็นเสียง และภาพ ทั้งเครื่องส่งและเครื่องรับใช้เสาอากาศในการแผ่และรับสัญญาณวิทยุ การรับส่งสัญญาณจะมี เสาอากาศของเครื่องรับ จะรับสัญญาณจากเครื่องส่งวิทยุ สายอากาศของเครื่องรับแบบ AM เป็นสายไฟธรรมดา หรือแท่งโลหะก็ได้ ตัวจูนเนอร์ มีหน้าที่เลือกสัญญาณความถี่เดียวจากเสาอากาศ ในกรณีของตัวอย่างบน ตัวจูนเนอร์ จะรับสัญญาณความถี่ 680,000 เฮิรตซ์ หลักพื้นฐานของจูนเนอร์ คือ การเรโซแนนท์ หรือการกำทอน ซึ่งเกิดขึ้นที่ความถี่ค่าที่เราจูนไปหา การจูนก็คือการปรับค่าตัวเก็บประจุ และตัวเหนี่ยวนำ ให้เกิดการกำทอนที่ความถี่ตรงสถานีที่ต้องการฟัง ในที่นี้คือ 680 กิโลเฮิรตซ์
|
|
|
|
|