chatchai
|
 |
« ตอบ #30 เมื่อ: มกราคม 28, 2011, 03:25:46 pm » |
|
กระผม นาย ฉัตรชัย กล่อมเกลี้ยง นักศึกษาคณะ วิศวกรรมศาตร์ สาขา อุตสาหการ-การจัดการ SEC.17 รหัสประจำตัว 115340441232-8 เลขที่ 28 เรียนกับอาจารย์ จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 28 เดือน มกราคม พศ.2554 เวลา 15.25 น. สถานที่ หอพัก 4B
สรุปว่า ไอน์สไตน์อธิบายความสัมพันธ์ของมวลกับพลังงาน "It followed from the special theory of relativity that mass and energy are both but different อาการของสิ่งเดียวกัน a somewhat unfamilar conception for the average mind. Furthermore, the equation E is equal to m c-ยกกำลังสอง, in which energy is put equal to mass, multiplied by the square of the ความเร็วของแสง, showed that very small amounts of mass may be converted into a very large ประริมาณของพลังงาน and vice versa. The mass and energy were in fact เท่ากัน, according to the formula mentioned before. This was demonstrated by Cockcroft and Walton in 1932, experimentally."
|
|
|
|
Piyarat Mounpao
|
 |
« ตอบ #31 เมื่อ: มกราคม 28, 2011, 04:33:14 pm » |
|
น.ส.ปิยะรัตน์ เหมือนเผ่า เลขที่ 42 รหัส 115210904050-9 กลุ่ม02 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาชีววิทยา สถานที่ สำนักวิทยบริการ วันที่ 28/01/54 เวลา 16.33 น. ไอน์สไตน์นั้น ท่านได้กล่าวไว้ว่า "เป็นไปตามทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ที่มวลและพลังงานทั้งคู่อยู่ในสิ่งเดียวกัน แต่แสดงออกแตกต่างกันออกไป นับเป็นแนวคิดที่ไม่คุ้นเคยสำหรับสติปัญญาในระดับธรรมดา ยิ่งกว่านั้นสมการ อี เท่ากับเอ็มซียกกำลังสอง ในพลังงานนั้นทำให้เท่ากับมวล แล้วคูณด้วยความเร็วแสงยกกำลังสอง แสดงให้เห็นถึงมวลจำนวนเล็กๆ อาจจะเปลี่ยนเป็นพลังงานมหาศาลได้ หรือในทางกลับกันพลังงานมหาศาลก็เปลี่ยนเป็นมวลเพียงเล็กน้อยได้เช่นกัน มวลและพลังงานมีความสมมูล (มีค่าเท่ากัน) ตามสูตรที่อ้างถึงก่อนหน้านี้ ซึ่งค็อกครอฟท์กับวอลตันเคยทำการทดลองเร่งอนุภาคไว้เมื่อปี 1932"
|
|
|
|
alongkorn hunbuathong
|
 |
« ตอบ #32 เมื่อ: มกราคม 28, 2011, 04:34:03 pm » |
|
นายอลงกรณ์ หุ่นบัวทอง รหัส 115330411026-1 เลขที่ 20 sec.4 สาขาวิชาวิศวกรรมโยธา วันที่ 28/1/54 เวลา 16.34 น. ณ บ้านบางชันวิลล่า It followed from the special theory of relativity that mass and energy are both but different manifestations of the same thing a somewhat unfamilar conception for the average mind. Furthermore, the equation E is equal to m c-squared, in which energy is put equal to mass, multiplied by the square of the velocity of light, showed that very small amounts of mass may be converted into a very large amount of energy and vice versa. The mass and energy were in fact equivalent, according to the formula mentioned before. This was demonstrated by Cockcroft and Walton in 1932, experimentally."
|
|
|
|
kambio
|
 |
« ตอบ #33 เมื่อ: มกราคม 28, 2011, 07:25:38 pm » |
|
นางสาว นันทวัน มีชำนาญ นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขา ชีววิทยา sec. 02 เลขที่ 43 รหัส 115210904052-5 เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 28 ม.ค. 2554 สถานที่ บ้าน เวลา 19.24 น.
ไอน์สไตน์ได้กล่าวไว้ว่า "เป็นไปตามทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ที่มวลและพลังงานทั้งคู่อยู่ในสิ่งเดียวกัน แต่แสดงออกแตกต่างกันออกไป นับเป็นแนวคิดที่ไม่คุ้นเคยสำหรับสติปัญญาในระดับธรรมดา ยิ่งกว่านั้นสมการ อี เท่ากับเอ็มซียกกำลังสอง ในพลังงานนั้นทำให้เท่ากับมวล แล้วคูณด้วยความเร็วแสงยกกำลังสอง แสดงให้เห็นถึงมวลจำนวนเล็กๆ อาจจะเปลี่ยนเป็นพลังงานมหาศาลได้ หรือในทางกลับกันพลังงานมหาศาลก็เปลี่ยนเป็นมวลเพียงเล็กน้อยได้เช่นกัน มวลและพลังงานมีความสมมูล (มีค่าเท่ากัน) ตามสูตรที่อ้างถึงก่อนหน้านี้ ซึ่งค็อกครอฟท์กับวอลตันเคยทำการทดลองเร่งอนุภาคไว้เมื่อปี 1932"
|
|
|
|
kittisap
|
 |
« ตอบ #34 เมื่อ: มกราคม 28, 2011, 10:04:24 pm » |
|
กระผม นายกิตติศัพท์ ถนัดงาน นศ.วิศวกรรมอุตสาหการ-การจัดการ sec.4 เรียนกับ ผศ.จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 28 มกราคม 2554 ที่ บ้าน ซอยพรธิสาร3 เวลา 22.04 น. ความคิดเห็นว่า "เป็นไปตามทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ที่มวลและพลังงานทั้งคู่อยู่ในสิ่งเดียวกัน แต่แสดงออกแตกต่างกันออกไป นับเป็นแนวคิดที่ไม่คุ้นเคยสำหรับสติปัญญาในระดับธรรมดา ยิ่งกว่านั้นสมการ อี เท่ากับเอ็มซียกกำลังสอง ในพลังงานนั้นทำให้เท่ากับมวล แล้วคูณด้วยความเร็วแสงยกกำลังสอง แสดงให้เห็นถึงมวลจำนวนเล็กๆ อาจจะเปลี่ยนเป็นพลังงานมหาศาลได้ หรือในทางกลับกันพลังงานมหาศาลก็เปลี่ยนเป็นมวลเพียงเล็กน้อยได้เช่นกัน มวลและพลังงานมีความสมมูล (มีค่าเท่ากัน) ตามสูตรที่อ้างถึงก่อนหน้านี้ ซึ่งค็อกครอฟท์กับวอลตันเคยทำการทดลองเร่งอนุภาคไว้เมื่อปี 1932"
|
|
|
|
suppachok
|
 |
« ตอบ #35 เมื่อ: มกราคม 28, 2011, 11:31:20 pm » |
|
นาย ศุภโชค เปรมกิจ วิศวกรรมโยธา รหัส 115330411051-9เลขที่ 44 sec 04 สถานที่ บ้าน วันที่ 28/1/2554 เวลา 23.31 น. มีความเห็นในกระทู้ว่า "It followed from the special theory of relativity that mass and energy are both but different manifestations of the same thing--a somewhat unfamilar conception for the average mind. Furthermore, the equation E is equal to m c-squared, in which energy is put equal to mass, multiplied by the square of the velocity of light, showed that very small amounts of mass may be converted into a very large amount of energy and vice versa. The mass and energy were in fact equivalent, according to the formula mentioned before. This was demonstrated by Cockcroft and Walton in 1932, experimentally." แปลได้ว่าเป็นไปตามทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ที่มวลและพลังงานทั้งคู่อยู่ในสิ่งเดียวกัน แต่แสดงออกแตกต่างกันออกไป นับเป็นแนวคิดที่ไม่คุ้นเคยสำหรับสติปัญญาในระดับธรรมดา ยิ่งกว่านั้นสมการ อี เท่ากับเอ็มซียกกำลังสอง ในพลังงานนั้นทำให้เท่ากับมวล แล้วคูณด้วยความเร็วแสงยกกำลังสอง แสดงให้เห็นถึงมวลจำนวนเล็กๆ อาจจะเปลี่ยนเป็นพลังงานมหาศาลได้ หรือในทางกลับกันพลังงานมหาศาลก็เปลี่ยนเป็นมวลเพียงเล็กน้อยได้เช่นกัน มวลและพลังงานมีความสมมูล (มีค่าเท่ากัน) ตามสูตรที่อ้างถึงก่อนหน้านี้ ซึ่งค็อกครอฟท์กับวอลตันเคยทำการทดลองเร่งอนุภาคไว้เมื่อปี 1932
|
|
|
|
tongchai
|
 |
« ตอบ #36 เมื่อ: มกราคม 29, 2011, 12:54:10 am » |
|
ผมนาย ธงชัย ฉิมสุด นักศึกษาวิศวกรรมอุตสาหการ-การจัดการ (สมทบ) sec 17 รหัส 115340441240-1 เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 29 มกราคม 2554 ณ หอพักโพธิ์ทอง เวลา 00.54น
"It followed from the special theory of relativity that mass and energy are both but different manifestations of the same thing--a somewhat unfamilar conception for the average mind. Furthermore, the equation E is equal to m c-squared, in which energy is put equal to mass, multiplied by the square of the velocity of light, showed that very small amounts of mass may be converted into a very large amount of energy and vice versa. The mass and energy were in fact equivalent, according to the formula mentioned before. This was demonstrated by Cockcroft and Walton in 1932, experimentally." แปลได้ว่าเป็นไปตามทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ที่มวลและพลังงานทั้งคู่อยู่ในสิ่งเดียวกัน แต่แสดงออกแตกต่างกันออกไป นับเป็นแนวคิดที่ไม่คุ้นเคยสำหรับสติปัญญาในระดับธรรมดา ยิ่งกว่านั้นสมการ อี เท่ากับเอ็มซียกกำลังสอง ในพลังงานนั้นทำให้เท่ากับมวล แล้วคูณด้วยความเร็วแสงยกกำลังสอง แสดงให้เห็นถึงมวลจำนวนเล็กๆ อาจจะเปลี่ยนเป็นพลังงานมหาศาลได้ หรือในทางกลับกันพลังงานมหาศาลก็เปลี่ยนเป็นมวลเพียงเล็กน้อยได้เช่นกัน มวลและพลังงานมีความสมมูล (มีค่าเท่ากัน) ตามสูตรที่อ้างถึงก่อนหน้านี้ ซึ่งค็อกครอฟท์กับวอลตันเคยทำการทดลองเร่งอนุภาคไว้เมื่อปี 1932
|
|
|
|
Penprapa
|
 |
« ตอบ #37 เมื่อ: มกราคม 29, 2011, 11:39:03 am » |
|
นางสาวเพ็ญประภา สุเพียร เลขที่ 40 รหัส 115210904029-3 กลุ่ม 2 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตอบกระทู้เมื่อวันที่ 29 มค 54 เวลา 11.38 น. ณ วิทยะบริการ
It followed from the special theory of relativity that mass and energy are both but different manifestations of the same thing--a somewhat unfamilar conception for the average mind. Furthermore, the equation E is equal to m c-squared, in which energy is put equal to mass, multiplied by the square of the velocity of light, showed that very small amounts of mass may be converted into a very large amount of energy and vice versa. The mass and energy were in fact equivalent, according to the formula mentioned before. This was demonstrated by Cockcroft and Walton in 1932, experimentally." แปลได้ว่า เป็นไปตามทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ที่มวลและพลังงานทั้งคู่อยู่ในสิ่งเดียวกัน แต่แสดงออกแตกต่างกันออกไป นับเป็นแนวคิดที่ไม่คุ้นเคยสำหรับสติปัญญาในระดับธรรมดา ยิ่งกว่านั้นสมการ อี เท่ากับเอ็มซียกกำลังสอง ในพลังงานนั้นทำให้เท่ากับมวล แล้วคูณด้วยความเร็วแสงยกกำลังสอง แสดงให้เห็นถึงมวลจำนวนเล็กๆ อาจจะเปลี่ยนเป็นพลังงานมหาศาลได้ หรือในทางกลับกันพลังงานมหาศาลก็เปลี่ยนเป็นมวลเพียงเล็กน้อยได้เช่นกัน มวลและพลังงานมีความสมมูล (มีค่าเท่ากัน) ตามสูตรที่อ้างถึงก่อนหน้านี้ ซึ่งค็อกครอฟท์กับวอลตันเคยทำการทดลองเร่งอนุภาคไว้เมื่อปี 1932
|
|
|
|
tum moment
|
 |
« ตอบ #38 เมื่อ: มกราคม 29, 2011, 12:17:42 pm » |
|
 นายกิติศักดิ์ รัตนมณี นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมโยธา 53341CVE sec.4 รหัสประจำตัว 115330411027-9 เรียนกับ ผศ.จรัส บุณยธรรมา วันที่ 29 มกราคม พศ.2554 ที่หอพักมณีโชติ เวลา 12.15น. ไอน์สไตน์อธิบายความสัมพันธ์ของมวลกับพลังงาน เป็นไปตามทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ที่มวลและพลังงานทั้งคู่อยู่ในสิ่งเดียวกัน แต่แสดงออกแตกต่างกันออกไป นับเป็นแนวคิดที่ไม่คุ้นเคยสำหรับสติปัญญาในระดับธรรมดา ยิ่งกว่านั้นสมการ อี เท่ากับเอ็มซียกกำลังสอง ในพลังงานนั้นทำให้เท่ากับมวล แล้วคูณด้วยความเร็วแสงยกกำลังสอง แสดงให้เห็นถึงมวลจำนวนเล็กๆ อาจจะเปลี่ยนเป็นพลังงานมหาศาลได้ หรือในทางกลับกันพลังงานมหาศาลก็เปลี่ยนเป็นมวลเพียงเล็กน้อยได้เช่นกัน มวลและพลังงานมีความสมมูล (มีค่าเท่ากัน) ตามสูตรที่อ้างถึงก่อนหน้านี้ ซึ่งค็อกครอฟท์กับวอลตันเคยทำการทดลองเร่งอนุภาคไว้เมื่อปี 1932
|
|
|
|
TanGMe
|
 |
« ตอบ #39 เมื่อ: มกราคม 29, 2011, 05:22:27 pm » |
|
นางสาวภัทรพร ผลอำไพ รหัสนักศึกษา 115110417062-6 เลขที่ 9 sec 02 เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 29 มกราคม 2554 เวลา 17.25 น. ที่หออยู่บ้านแมนชั่น ไอน์สไตน์อธิบายความสัมพันธ์ของมวลกับพลังงาน "It followed from the special theory of relativity that mass and energy are both but different อาการของสิ่งเดียวกัน a somewhat unfamilar conception for the average mind. Furthermore, the equation E is equal to m c-ยกกำลังสอง, in which energy is put equal to mass, multiplied by the square of the ความเร็วของแสง, showed that very small amounts of mass may be converted into a very large ประริมาณของพลังงาน and vice versa. The mass and energy were in fact เท่ากัน, according to the formula mentioned before. This was demonstrated by Cockcroft and Walton in 1932, experimentally."
|
|
|
|
rungarun
|
 |
« ตอบ #40 เมื่อ: มกราคม 29, 2011, 10:03:26 pm » |
|
นายรุ่งอรุณ แย้มประดิษฐ์ นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาอุตสาหการ-การจัดการ รหัส 115340441246-8 SEC 17 เลขที่ 36 เรียนกับ อาจารย์จรัส บุณยธรรมา วันที่ 29 มกราคม 2554 เวลา 22.04 น.
เป็นไปตามทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ที่มวลและพลังงานทั้งคู่อยู่ในสิ่งเดียวกัน แต่แสดงออกแตกต่างกันออกไป นับเป็นแนวคิดที่ไม่คุ้นเคยสำหรับสติปัญญาในระดับธรรมดา ยิ่งกว่านั้นสมการ อี เท่ากับเอ็มซียกกำลังสอง ในพลังงานนั้นทำให้เท่ากับมวล แล้วคูณด้วยความเร็วแสงยกกำลังสอง แสดงให้เห็นถึงมวลจำนวนเล็กๆ อาจจะเปลี่ยนเป็นพลังงานมหาศาลได้ หรือในทางกลับกันพลังงานมหาศาลก็เปลี่ยนเป็นมวลเพียงเล็กน้อยได้เช่นกัน มวลและพลังงานมีความสมมูล (มีค่าเท่ากัน) ตามสูตรที่อ้างถึงก่อนหน้านี้ ซึ่งค็อกครอฟท์กับวอลตันเคยทำการทดลองเร่งอนุภาคไว้เมื่อปี 1932
|
|
|
|
siwasit ridmahan
|
 |
« ตอบ #41 เมื่อ: มกราคม 29, 2011, 10:08:25 pm » |
|
นาย สิวะสิทธิ์ ฤทธิ์มะหันต์ นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขา วิศวกรรมอุตสาหการ-การจัดการ รหัส 115340441244-3 เลขที่ 33 sec.17 เรียนกับ อาจารย์จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้ วันที่ 29 มกราคม 2554 เวลา 22.08 น. ณ ร้านเน็ต
เป็นไปตามทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ที่มวลและพลังงานทั้งคู่อยู่ในสิ่งเดียวกัน แต่แสดงออกแตกต่างกันออกไป นับเป็นแนวคิดที่ไม่คุ้นเคยสำหรับสติปัญญาในระดับธรรมดา ยิ่งกว่านั้นสมการ อี เท่ากับเอ็มซียกกำลังสอง ในพลังงานนั้นทำให้เท่ากับมวล แล้วคูณด้วยความเร็วแสงยกกำลังสอง แสดงให้เห็นถึงมวลจำนวนเล็กๆ อาจจะเปลี่ยนเป็นพลังงานมหาศาลได้ หรือในทางกลับกันพลังงานมหาศาลก็เปลี่ยนเป็นมวลเพียงเล็กน้อยได้เช่นกัน มวลและพลังงานมีความสมมูล (มีค่าเท่ากัน) ตามสูตรที่อ้างถึงก่อนหน้านี้ ซึ่งค็อกครอฟท์กับวอลตันเคยทำการทดลองเร่งอนุภาคไว้เมื่อปี 1932
|
|
|
|
pongpat
|
 |
« ตอบ #42 เมื่อ: มกราคม 29, 2011, 11:44:39 pm » |
|
กระผมนายพงษ์พัฒน์ น้อยโพธิ์ นศ.วิศวกรรมอุตสาหการ-การจัดการ sec 4 เลขที่ 51 รหัส 115330441207-1 เรียนกับ ผศ.จรัส บุณยธรรมาเข้ามาตอบกระทู้วันที่ 29 มกราคม 2554 ที่ บ้าน เวลา 23.44 น เป็นไปตามทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ที่มวลและพลังงานทั้งคู่อยู่ในสิ่งเดียวกัน แต่แสดงออกแตกต่างกันออกไป นับเป็นแนวคิดที่ไม่คุ้นเคยสำหรับสติปัญญาในระดับธรรมดา ยิ่งกว่านั้นสมการ อี เท่ากับเอ็มซียกกำลังสอง ในพลังงานนั้นทำให้เท่ากับมวล แล้วคูณด้วยความเร็วแสงยกกำลังสอง แสดงให้เห็นถึงมวลจำนวนเล็กๆ อาจจะเปลี่ยนเป็นพลังงานมหาศาลได้ หรือในทางกลับกันพลังงานมหาศาลก็เปลี่ยนเป็นมวลเพียงเล็กน้อยได้เช่นกัน มวลและพลังงานมีความสมมูล (มีค่าเท่ากัน) ตามสูตรที่อ้างถึงก่อนหน้านี้ ซึ่งค็อกครอฟท์กับวอลตันเคยทำการทดลองเร่งอนุภาคไว้เมื่อปี 1932
|
|
|
|
nachaya
|
 |
« ตอบ #43 เมื่อ: มกราคม 30, 2011, 12:06:06 am » |
|
ผมนาย ณชย ประสพเนตร์ นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ sec 4 เลขที่ 49 เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 30 มกราคม 2554 เวลา 00.07 น. ที่ บ้าน เรียนกับ ผศ.จรัส บุณยธรรมา มีความคิดเห็นว่า
เสียงจากไอน์สไตน์เป็นไปตามทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ที่มวลและพลังงานทั้งคู่อยู่ในสิ่งเดียวกัน แต่แสดงออกแตกต่างกันออกไป นับเป็นแนวคิดที่ไม่คุ้นเคยสำหรับสติปัญญาในระดับธรรมดา ยิ่งกว่านั้นสมการ อี เท่ากับเอ็มซียกกำลังสอง ในพลังงานนั้นทำให้เท่ากับมวล แล้วคูณด้วยความเร็วแสงยกกำลังสอง แสดงให้เห็นถึงมวลจำนวนเล็กๆ อาจจะเปลี่ยนเป็นพลังงานมหาศาลได้ หรือในทางกลับกันพลังงานมหาศาลก็เปลี่ยนเป็นมวลเพียงเล็กน้อยได้เช่นกัน มวลและพลังงานมีความสมมูล (มีค่าเท่ากัน) ตามสูตรที่อ้างถึงก่อนหน้านี้ ซึ่งค็อกครอฟท์กับวอลตันเคยทำการทดลองเร่งอนุภาคไว้เมื่อปี 1932
|
|
|
|
suradet phetcharat
|
 |
« ตอบ #44 เมื่อ: มกราคม 30, 2011, 07:56:03 am » |
|
นายสุรเดช เพ็ชรรัตน์ นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมโยธา CVE2 Sec17 เลขที่ 9 รหัส 115340411115-1 ผศ.จรัส บุณยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 30 มกราคม 2554 เวลา 07.55 น.Office สำนักงานบริษัทไทยวัฒน์ เสียงจากไอน์สไตน์เป็นไปตามทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ที่มวลและพลังงานทั้งคู่อยู่ในสิ่งเดียวกัน แต่แสดงออกแตกต่างกันออกไป นับเป็นแนวคิดที่ไม่คุ้นเคยสำหรับสติปัญญาในระดับธรรมดา ยิ่งกว่านั้นสมการ อี เท่ากับเอ็มซียกกำลังสอง ในพลังงานนั้นทำให้เท่ากับมวล แล้วคูณด้วยความเร็วแสงยกกำลังสอง แสดงให้เห็นถึงมวลจำนวนเล็กๆ อาจจะเปลี่ยนเป็นพลังงานมหาศาลได้ หรือในทางกลับกันพลังงานมหาศาลก็เปลี่ยนเป็นมวลเพียงเล็กน้อยได้เช่นกัน มวลและพลังงานมีความสมมูล (มีค่าเท่ากัน) ตามสูตรที่อ้างถึงก่อนหน้านี้ ซึ่งค็อกครอฟท์กับวอลตันเคยทำการทดลองเร่งอนุภาคไว้เมื่อปี 1932
|
|
|
|
Kunlaya
|
 |
« ตอบ #45 เมื่อ: มกราคม 30, 2011, 09:25:24 am » |
|
นางสาวกัลยา เปรมเปรย นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ sec 2 เลขที่ 33 เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 30 มกราคม 2554 เวลา 09.24 น. ที่ หอพัก เรียนกับ ผศ.จรัส บุณยธรรมา มีความคิดเห็นว่า ไอน์สไตน์อธิบายความสัมพันธ์ของมวลกับพลังงาน เป็นไปตามทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ที่มวลและพลังงานทั้งคู่อยู่ในสิ่งเดียวกัน แต่แสดงออกแตกต่างกันออกไป นับเป็นแนวคิดที่ไม่คุ้นเคยสำหรับสติปัญญาในระดับธรรมดา ยิ่งกว่านั้นสมการ อี เท่ากับเอ็มซียกกำลังสอง ในพลังงานนั้นทำให้เท่ากับมวล แล้วคูณด้วยความเร็วแสงยกกำลังสอง แสดงให้เห็นถึงมวลจำนวนเล็กๆ อาจจะเปลี่ยนเป็นพลังงานมหาศาลได้ หรือในทางกลับกันพลังงานมหาศาลก็เปลี่ยนเป็นมวลเพียงเล็กน้อยได้เช่นกัน มวลและพลังงานมีความสมมูล (มีค่าเท่ากัน) ตามสูตรที่อ้างถึงก่อนหน้านี้ ซึ่งค็อกครอฟท์กับวอลตันเคยทำการทดลองเร่งอนุภาคไว้เมื่อปี 1932
|
|
|
|
jackmaco
|
 |
« ตอบ #46 เมื่อ: มกราคม 30, 2011, 07:40:02 pm » |
|
นายธีรพงษ์ ม้วนทอง คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาอุตสาหการ-การจัดการ sec.17 รหัสประจำตัว115340441211-2 ตอบกระทู้วันที่ 30/01/54 เวลา 19:40 น. สถานที่ หอ เอื้อมเดือน สรุป : It followed from the special theory of relativity that mass and energy are both but different อาการของสิ่งเดียวกัน a somewhat unfamilar conception for the average mind. Furthermore, the equation E is equal to m c-ยกกำลังสอง, in which energy is put equal to mass, multiplied by the square of theความเร็วของแสง, showed that very small amounts of mass may be converted into a very large ประริมาณของพลังงาน and vice versa. The mass and energy were in fact เท่ากัน, according to the formula mentioned before. This was demonstrated by Cockcroft and Walton in 1932, experimentally."
|
|
|
|
satawat
|
 |
« ตอบ #47 เมื่อ: มกราคม 30, 2011, 08:25:10 pm » |
|
นายศตวรรษ รัตนภักดี นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ sec 2 เลขที่ 34 เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 30 มกราคม 2554 เวลา 20.24 น. ที่ หอพัก เรียนกับ ผศ.จรัส บุณยธรรมา เป็นไปตามทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ที่มวลและพลังงานทั้งคู่อยู่ในสิ่งเดียวกัน แต่แสดงออกแตกต่างกันออกไป นับเป็นแนวคิดที่ไม่คุ้นเคยสำหรับสติปัญญาในระดับธรรมดา ยิ่งกว่านั้นสมการ อี เท่ากับเอ็มซียกกำลังสอง ในพลังงานนั้นทำให้เท่ากับมวล แล้วคูณด้วยความเร็วแสงยกกำลังสอง แสดงให้เห็นถึงมวลจำนวนเล็กๆ อาจจะเปลี่ยนเป็นพลังงานมหาศาลได้ หรือในทางกลับกันพลังงานมหาศาลก็เปลี่ยนเป็นมวลเพียงเล็กน้อยได้เช่นกัน มวลและพลังงานมีความสมมูล (มีค่าเท่ากัน) ตามสูตรที่อ้างถึงก่อนหน้านี้ ซึ่งค็อกครอฟท์กับวอลตันเคยทำการทดลองเร่งอนุภาคไว้เมื่อปี 1932
|
|
|
|
sathian757
|
 |
« ตอบ #48 เมื่อ: มกราคม 31, 2011, 01:20:40 am » |
|
นายเสถียร ปานามะเส คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาอุตสาหการ-การจัดการ sec.17 รหัสประจำตัว115340441203-9 ตอบกระทู้วันที่ 31/01/54 เวลา 01:20น. สถานที่ หอพัก นวนคร สรุปว่า It followed from the special theory of relativity that mass and energy are both but different manifestations of the same thing--a somewhat unfamilar conception for the average mind. Furthermore, the equation E is equal to m c-squared, in which energy is put equal to mass, multiplied by the square of the velocity of light, showed that very small amounts of mass may be converted into a very large amount of energy and vice versa. The mass and energy were in fact equivalent, according to the formula mentioned before. This was demonstrated by Cockcroft and Walton in 1932, experimentally."
|
|
|
|
Sirilak
|
 |
« ตอบ #49 เมื่อ: มกราคม 31, 2011, 01:25:08 am » |
|
นางสาวสิริลักษณ์ ศัพสุข เลขที่30 sec.02 รหัส 115210417064-0 เรียนกับ อ.จรัส บุณยธรรมา วันที่31 มกราคม 2554 เวลา 01.25น.
สรุปได้ว่า เป็นไปตามทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ที่มวลและพลังงานทั้งคู่อยู่ในสิ่งเดียวกัน แต่แสดงออกแตกต่างกันออกไป นับเป็นแนวคิดที่ไม่คุ้นเคยสำหรับสติปัญญาในระดับธรรมดา ยิ่งกว่านั้นสมการ อี เท่ากับเอ็มซียกกำลังสอง ในพลังงานนั้นทำให้เท่ากับมวล แล้วคูณด้วยความเร็วแสงยกกำลังสอง แสดงให้เห็นถึงมวลจำนวนเล็กๆ อาจจะเปลี่ยนเป็นพลังงานมหาศาลได้ หรือในทางกลับกันพลังงานมหาศาลก็เปลี่ยนเป็นมวลเพียงเล็กน้อยได้เช่นกัน มวลและพลังงานมีความสมมูล (มีค่าเท่ากัน) ตามสูตรที่อ้างถึงก่อนหน้านี้ ซึ่งค็อกครอฟท์กับวอลตันเคยทำการทดลองเร่งอนุภาคไว้เมื่อปี 1932
|
|
|
|
iinuyashaa
|
 |
« ตอบ #50 เมื่อ: มกราคม 31, 2011, 10:41:29 am » |
|
นางสาววิภวานี แสงทอง นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาวิชาเคมี sec 02 รหัส 115210902118-6 เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 31/1/2554 ที่บ้าน เวลา 10:41 น.
สรุปได้ว่า
"It followed from the special theory of relativity that mass and energy are both but different manifestations of the same thing--a somewhat unfamilar conception for the average mind. Furthermore, the equation E is equal to m c-squared, in which energy is put equal to mass, multiplied by the square of the velocity of light, showed that very small amounts of mass may be converted into a very large amount of energy and vice versa. The mass and energy were in fact equivalent, according to the formula mentioned before. This was demonstrated by Cockcroft and Walton in 1932, experimentally."
แปลได้ว่า
เป็นไปตามทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ที่มวลและพลังงานทั้งคู่อยู่ในสิ่งเดียวกัน แต่แสดงออกแตกต่างกันออกไป นับเป็นแนวคิดที่ไม่คุ้นเคยสำหรับสติปัญญาในระดับธรรมดา ยิ่งกว่านั้นสมการ อี เท่ากับเอ็มซียกกำลังสอง ในพลังงานนั้นทำให้เท่ากับมวล แล้วคูณด้วยความเร็วแสงยกกำลังสอง แสดงให้เห็นถึงมวลจำนวนเล็กๆ อาจจะเปลี่ยนเป็นพลังงานมหาศาลได้ หรือในทางกลับกันพลังงานมหาศาลก็เปลี่ยนเป็นมวลเพียงเล็กน้อยได้เช่นกัน มวลและพลังงานมีความสมมูล (มีค่าเท่ากัน) ตามสูตรที่อ้างถึงก่อนหน้านี้ ซึ่งค็อกครอฟท์กับวอลตันเคยทำการทดลองเร่งอนุภาคไว้เมื่อปี 1932
|
|
|
|
thanathammarat
|
 |
« ตอบ #51 เมื่อ: มกราคม 31, 2011, 01:25:32 pm » |
|
นายปรัชญาพล ธนาธรรมรัตน์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาอุตสาหการ-การจัดการ sec.17 เลขที่ 14 รหัสประจำตัว115340441204-7 ตอบกระทู้วันที่ 31-01-2554 เวลา 13:25 น. สถานที่ บริษัท Siam lemmerz เนื้อหาสรุปได้ว่า... It followed from the special theory of relativity that mass and energy are both but different อาการของสิ่งเดียวกัน a somewhat unfamilar conception for the average mind. Furthermore, the equation E is equal to m c-ยกกำลังสอง, in which energy is put equal to mass, multiplied by the square of the ความเร็วของแสง, showed that very small amounts of mass may be converted intoa very large ปริมาณของพลังงาน and vice versa. The mass and energy were in fact , according to the formula mentioned before. This was demonstrated by Cockcroft and Walton in 1932, experimentally."
|
|
|
|
Jutamat
|
 |
« ตอบ #52 เมื่อ: มกราคม 31, 2011, 01:28:44 pm » |
|
น.ส. จุฑามาศ เชื้ออภัย นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี sec.02 เลขที่ 44 รหัสนักศึกษา 115210904056-6 ผู้สอน อาจารย์จรัส บุญยธรรมา เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 31/01/54 ณ หอพักสวัสดิการนักศึกษา มทร.ธัญบุรี เวลา13.28 น. สรุปว่า
เป็นไปตามทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ที่มวลและพลังงานทั้งคู่อยู่ในสิ่งเดียวกัน แต่แสดงออกแตกต่างกันออกไป นับเป็นแนวคิดที่ไม่คุ้นเคยสำหรับสติปัญญาในระดับธรรมดา ยิ่งกว่านั้นสมการ อี เท่ากับเอ็มซียกกำลังสอง ในพลังงานนั้นทำให้เท่ากับมวล แล้วคูณด้วยความเร็วแสงยกกำลังสอง แสดงให้เห็นถึงมวลจำนวนเล็กๆ อาจจะเปลี่ยนเป็นพลังงานมหาศาลได้ หรือในทางกลับกันพลังงานมหาศาลก็เปลี่ยนเป็นมวลเพียงเล็กน้อยได้เช่นกัน มวลและพลังงานมีความสมมูล (มีค่าเท่ากัน) ตามสูตรที่อ้างถึงก่อนหน้านี้ ซึ่งค็อกครอฟท์กับวอลตันเคยทำการทดลองเร่งอนุภาคไว้เมื่อปี 1932
|
|
|
|
chinnapot
|
 |
« ตอบ #53 เมื่อ: มกราคม 31, 2011, 02:41:45 pm » |
|
นายชินพจน์ เดชเกษรินทร์ คณะ วิศวกรรมอุตสาหการ-การจักการ รหัส 115340441238-5 sec17 วันที่31/01/54 เวลา14.41 ณ ทรัพย์ถาวรอพาร์ทเม้นท์
It followed from the special theory of relativity that mass and energy are both but different อาการของสิ่งเดียวกัน a somewhat unfamilar conception for the average mind. Furthermore, the equation E is equal to m c-ยกกำลังสอง, in which energy is put equal to mass, multiplied by the square of theความเร็วของแสง, showed that very small amounts of mass may be converted into a very large ประริมาณของพลังงาน and vice versa. The mass and energy were in fact เท่ากัน, according to the formula mentioned before. This was demonstrated by Cockcroft and Walton in 1932, experimentally."
|
|
|
|
ronachai
|
 |
« ตอบ #54 เมื่อ: มกราคม 31, 2011, 03:21:17 pm » |
|
มีความเห็นในกระทู้ว่า นาย รณชัย รุกขวัฒน์ วิศวกรรมโยธา 115330411002-2 sce 4 กะทู้เมื่อ วันที่ 31 มกราคม 2554 เวลา 15.21 น. ณ ห้องสมุดมหาลัย "It followed from the special theory of relativity that mass and energy are both but different manifestations of the same thing--a somewhat unfamilar conception for the average mind. Furthermore, the equation E is equal to m c-squared, in which energy is put equal to mass, multiplied by the square of the velocity of light, showed that very small amounts of mass may be converted into a very large amount of energy and vice versa. The mass and energy were in fact equivalent, according to the formula mentioned before. This was demonstrated by Cockcroft and Walton in 1932, experimentally." แปลได้ว่าเป็นไปตามทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ที่มวลและพลังงานทั้งคู่อยู่ในสิ่งเดียวกัน แต่แสดงออกแตกต่างกันออกไป นับเป็นแนวคิดที่ไม่คุ้นเคยสำหรับสติปัญญาในระดับธรรมดา ยิ่งกว่านั้นสมการ อี เท่ากับเอ็มซียกกำลังสอง ในพลังงานนั้นทำให้เท่ากับมวล แล้วคูณด้วยความเร็วแสงยกกำลังสอง แสดงให้เห็นถึงมวลจำนวนเล็กๆ อาจจะเปลี่ยนเป็นพลังงานมหาศาลได้ หรือในทางกลับกันพลังงานมหาศาลก็เปลี่ยนเป็นมวลเพียงเล็กน้อยได้เช่นกัน มวลและพลังงานมีความสมมูล (มีค่าเท่ากัน) ตามสูตรที่อ้างถึงก่อนหน้านี้ ซึ่งค็อกครอฟท์กับวอลตันเคยทำการทดลองเร่งอนุภาคไว้เมื่อปี 1932
|
|
|
|
m_japakiya
|
 |
« ตอบ #55 เมื่อ: มกราคม 31, 2011, 05:38:51 pm » |
|
นาย มูฮำหมัดนาวี จะปะกียา เลขที่ 2 sec 17 รหัส 115340411104-5 คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชา วิศวกรรมโยธา ณ บ้าน จรัญสนิทวงศ์ 31-01-54 เวลา 17.38 น. เรียนกับอาจารย์ ผศ.จรัส บุณยธรรมา ไอน์สไตน์นั้น ท่านได้กล่าวไว้ว่า "เป็นไปตามทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ที่มวลและพลังงานทั้งคู่อยู่ในสิ่งเดียวกัน แต่แสดงออกแตกต่างกันออกไป นับเป็นแนวคิดที่ไม่คุ้นเคยสำหรับสติปัญญาในระดับธรรมดา ยิ่งกว่านั้นสมการ อี เท่ากับเอ็มซียกกำลังสอง ในพลังงานนั้นทำให้เท่ากับมวล แล้วคูณด้วยความเร็วแสงยกกำลังสอง แสดงให้เห็นถึงมวลจำนวนเล็กๆ อาจจะเปลี่ยนเป็นพลังงานมหาศาลได้ หรือในทางกลับกันพลังงานมหาศาลก็เปลี่ยนเป็นมวลเพียงเล็กน้อยได้เช่นกัน มวลและพลังงานมีความสมมูล (มีค่าเท่ากัน) ตามสูตรที่อ้างถึงก่อนหน้านี้ ซึ่งค็อกครอฟท์กับวอลตันเคยทำการทดลองเร่งอนุภาคไว้เมื่อปี 1932"
|
|
|
|
bobo
|
 |
« ตอบ #56 เมื่อ: มกราคม 31, 2011, 05:51:40 pm » |
|
นางสาว สุนิสา หมอยาดี เลขที่74 sec 2 รหัส115310903055-7คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาสถิติประยุกต์ วันที่ 31/01/54 เวลา 17.51 น.สถานที่ บ้าน It followed from the special theory of relativity that mass and energy are both but different manifestations of the same thing--a somewhat unfamilar conception for the average mind. Furthermore, the equation E is equal to m c-squared, in which energy is put equal to mass, multiplied by the square of the velocity of light, showed that very small amounts of mass may be converted into a very large amount of energy and vice versa. The mass and energy were in fact equivalent, according to the formula mentioned before. This was demonstrated by Cockcroft and Walton in 1932, experimentally." แปลได้ว่าเป็นไปตามทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ที่มวลและพลังงานทั้งคู่อยู่ในสิ่งเดียวกัน แต่แสดงออกแตกต่างกันออกไป นับเป็นแนวคิดที่ไม่คุ้นเคยสำหรับสติปัญญาในระดับธรรมดา ยิ่งกว่านั้นสมการ อี เท่ากับเอ็มซียกกำลังสอง ในพลังงานนั้นทำให้เท่ากับมวล แล้วคูณด้วยความเร็วแสงยกกำลังสอง แสดงให้เห็นถึงมวลจำนวนเล็กๆ อาจจะเปลี่ยนเป็นพลังงานมหาศาลได้ หรือในทางกลับกันพลังงานมหาศาลก็เปลี่ยนเป็นมวลเพียงเล็กน้อยได้เช่นกัน มวลและพลังงานมีความสมมูล (มีค่าเท่ากัน) ตามสูตรที่อ้างถึงก่อนหน้านี้ ซึ่งค็อกครอฟท์กับวอลตันเคยทำการทดลองเร่งอนุภาคไว้เมื่อปี 1932
|
|
|
|
nuubuoe
|
 |
« ตอบ #57 เมื่อ: มกราคม 31, 2011, 06:37:07 pm » |
|
นางสาวจรีรัตน์ ชะโปรัมย์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาสถิติประยุกต์ รหัส 115310903040-9 sec.02 เลขที่ 63 ตอบกระทู้เมื่อ 31/01/54 เวลา18.37 น.ที่บ้าน "It followed from the special theory of relativity that mass and energy are both but different manifestations of the same thing--a somewhat unfamilar conception for the average mind. Furthermore, the equation E is equal to m c-squared, in which energy is put equal to mass, multiplied by the square of the velocity of light, showed that very small amounts of mass may be converted into a very large amount of energy and vice versa. The mass and energy were in fact equivalent, according to the formula mentioned before. This was demonstrated by Cockcroft and Walton in 1932, experimentally." แปลได้ว่า เป็นไปตามทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ที่มวลและพลังงานทั้งคู่อยู่ในสิ่งเดียวกัน แต่แสดงออกแตกต่างกันออกไป นับเป็นแนวคิดที่ไม่คุ้นเคยสำหรับสติปัญญาในระดับธรรมดา ยิ่งกว่านั้นสมการ อี เท่ากับเอ็มซียกกำลังสอง ในพลังงานนั้นทำให้เท่ากับมวล แล้วคูณด้วยความเร็วแสงยกกำลังสอง แสดงให้เห็นถึงมวลจำนวนเล็กๆ อาจจะเปลี่ยนเป็นพลังงานมหาศาลได้ หรือในทางกลับกันพลังงานมหาศาลก็เปลี่ยนเป็นมวลเพียงเล็กน้อยได้เช่นกัน มวลและพลังงานมีความสมมูล (มีค่าเท่ากัน) ตามสูตรที่อ้างถึงก่อนหน้านี้ ซึ่งค็อกครอฟท์กับวอลตันเคยทำการทดลองเร่งอนุภาคไว้เมื่อปี 1932
|
|
|
|
Mickey2010
|
 |
« ตอบ #58 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2011, 11:57:38 am » |
|
นางสาวปัทมา วงษ์แก้วฟ้า รหัส115310903038-3 เลขที่61 sec02 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาสถิติประยุกต์ เข้ามาตอบกระทู้วันที่ 1กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 11.57 น. สถานที่บ้านของตนเอง สรุปได้ว่า "It followed from the special theory of relativity that mass and energy are both but different manifestations of the same thing--a somewhat unfamilar conception for the average mind. Furthermore, the equation E is equal to m c-squared, in which energy is put equal to mass, multiplied by the square of the velocity of light, showed that very small amounts of mass may be converted into a very large amount of energy and vice versa. The mass and energy were in fact equivalent, according to the formula mentioned before. This was demonstrated by Cockcroft and Walton in 1932, experimentally." แปลได้ว่าเป็นไปตามทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ที่มวลและพลังงานทั้งคู่อยู่ในสิ่งเดียวกัน แต่แสดงออกแตกต่างกันออกไป นับเป็นแนวคิดที่ไม่คุ้นเคยสำหรับสติปัญญาในระดับธรรมดา ยิ่งกว่านั้นสมการ อี เท่ากับเอ็มซียกกำลังสอง ในพลังงานนั้นทำให้เท่ากับมวล แล้วคูณด้วยความเร็วแสงยกกำลังสอง แสดงให้เห็นถึงมวลจำนวนเล็กๆ อาจจะเปลี่ยนเป็นพลังงานมหาศาลได้ หรือในทางกลับกันพลังงานมหาศาลก็เปลี่ยนเป็นมวลเพียงเล็กน้อยได้เช่นกัน มวลและพลังงานมีความสมมูล (มีค่าเท่ากัน) ตามสูตรที่อ้างถึงก่อนหน้านี้ ซึ่งค็อกครอฟท์กับวอลตันเคยทำการทดลองเร่งอนุภาคไว้เมื่อปี 1932
|
|
|
|
mildfunta
|
 |
« ตอบ #59 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2011, 12:40:14 pm » |
|
นางสาวธัญลักษณ์ มิชัยยา เลขที่ 76 รหัส 1153109030607 sec 02 วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 12.37 น. ณ shooter internet cafe' ไอน์สไตน์ได้กล่าวไว่ว่า "เป็นไปตามทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ที่มวลและพลังงานทั้งคู่อยู่ในสิ่งเดียวกัน แต่แสดงออกแตกต่างกันออกไป นับเป็นแนวคิดที่ไม่คุ้นเคยสำหรับสติปัญญาในระดับธรรมดา ยิ่งกว่านั้นสมการ อี เท่ากับเอ็มซียกกำลังสอง ในพลังงานนั้นทำให้เท่ากับมวล แล้วคูณด้วยความเร็วแสงยกกำลังสอง แสดงให้เห็นถึงมวลจำนวนเล็กๆ อาจจะเปลี่ยนเป็นพลังงานมหาศาลได้ หรือในทางกลับกันพลังงานมหาศาลก็เปลี่ยนเป็นมวลเพียงเล็กน้อยได้เช่นกัน มวลและพลังงานมีความสมมูล (มีค่าเท่ากัน) ตามสูตรที่อ้างถึงก่อนหน้านี้ ซึ่งค็อกครอฟท์กับวอลตันเคยทำการทดลองเร่งอนุภาคไว้เมื่อปี 1932"
|
|
|
|
|